นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 บริษัทมีรายได้รวม 233.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 118.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.54 ล้านบาท
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 448.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 215.48 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 223.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 88.06 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการย้ายโรงงานใหม่ ทำให้มีกำลังการผลิตในการรองรับออเดอร์จากลูกค้าขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่ราว 1,500,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM)
นางสาวศุภมาส กล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทในครึ่งปีหลัง 61 มองว่ายังคงมีแนวโน้มอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจารับผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกับลูกค้ารายใหม่ๆอีกหลายราย เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงครึ่งปีหลัง 61 จึงมั่นใจว่ารายได้รวมของบริษัทฯในปีนี้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 388.56 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท ขณะที่รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่าระดับ 50% จากยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าโรงงานสกัดวัตถุดิบ (โรงที่ 2) ที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตวัตถุดิบประเภทสารสกัดเพิ่มเติมและมีความหลากหลายในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึง ห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล ตามมาตรฐาน ISO 17025 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่างแบบคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 61 และจะสามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มรูปแบบในปี 63
โรงสกัดดังกล่าวถือเป็นโรงสกัดที่ครบวงจรที่มีมาตรฐานสูงเทียบเท่ากับโรงสกัดยา ซึ่งการอนุมัติการร่างแบบจะต้องได้รับความเห็นชอบกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน
"ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานการผลิตมากขึ้น ซึ่งDOD เป็นบริษัทเอกชนระดับตันๆ ที่สามารถตอบโจทย์คุณภาพ และการผลิตที่ครบวงจร ตามแบบสากลได้มากที่สุด โดยจะเห็นได้จากมาตรฐานการ รับรองจาก ISO22000:2005, HACCP, GMP Codex และ HALAL ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีความน่าเชื่อถือ รวมกับการผลิตในห้องปลอดเชื้อ (Clean Room) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตเดียวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ยา มาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร"นางสาวศุภมาส กล่าว