นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะ กรรมการบริษัทมีมติอนุมัติลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญร้อยละ 80 ในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศเวียดนาม ในราคาเท่ากับมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นดังกล่าวรวมจำนวน 35,200,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยได้กำหนดผลตอบแทนการลงทุนจากเงินลง ทุนในส่วนทุน (EIRR) ขั้นต่าไม่น้อยกว่าร้อยละ 12
ทั้งนี้ โครงการมีกำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตตามสัญญา 214 เมกะวัตต์) กับกลุ่มบริษัท Truong Thanh Viet Nam Group Joint Stock Company (TTVN) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงในประเทศ เวียดนาม โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 20 ปี กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) โดย มีอัตราขายไฟฟ้า 9.35 ดอลลาร์เซนต์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมิถุนายน 2562
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ขนาด 70 เมกะวัตต์ กำหนดผลตอบแทนการลงทุนจากเงินลงทุนในส่วนทุน ไม่น้อยว่าร้อยละ 12 และบริษัทได้เข้าทำสัญญาจัดหาวัสดุอุปกรณ์ (Supply Agreement) กับ China Energy Engineering Groups Shanxi Electric Power Engineering Co., Ltd. และทำ สัญญาออกแบบงานวิศวกรรมและก่อสร้างโครงการ (Engineering and Construction Contract) กับ บริษัท เอ็นเนอร์จี้ ไช น่า (ประเทศไทย) จำกัด
ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าธุรกิจตามแผนในปี 2561 โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อนที่ 1,646 เมกะวัตต์ มาที่ 2,091 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามการเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 445 เมกะวัตต์ โดยในช่วงครึ่งปี แรกเปิดดำเนินการไปแล้ว 2 แห่ง ส่วนช่วงที่เหลือของปีจะเปิดดำเนินการ โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 กำลัง การผลิต 133 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมี โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 31 เมกะวัตต์ และโรง ไฟฟ้าพลังน้ำ 1 โครงการในสปป. ลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์
สำหรับโครงการลงทุนอื่นๆ นอกจากการซื้อหุ้นเพิ่มจาก 49% เป็น 100% ของโครงการ BGYSP ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ ในไตรมาสที่ 3/61 และการซื้อหุ้น 55% ของโครงการโรง ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 420 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ใน กลางปี 62 แล้ว บริษัทยังเตรียมประกาศข่าวดีในการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศอีก 2-3 โครงการเร็วๆ นี้
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 8,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 7,964 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าจากโครงการโรง ไฟฟ้า ABPR3 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ทำให้ในช่วงไตรมาสที่ 2 เปิด ดำเนินการเต็มจำนวน 3 เดือน อีกทั้งมีการจ่ายไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า ABPR4 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2561 และจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิม ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่ม ขึ้นเป็น 1,912 เมกะวัตต์
ขณะที่กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 688 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 34% จากไตรมาสก่อน แม้ว่า กำไรสุทธิตามงบการเงินไตรมาส 2/2561 จะอยู่ที่ 215 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขตามมาตรฐานทางบัญชี จากการขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นของเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและกระแสเงินสด ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของ ปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 37.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัท พิจารณาผลประกอบการและการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานที่ 1,200 ล้านบาท เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้พิจารณาการจ่ายปันผลระหว่างกาล
เรื่อง : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันที่คณะกรรมการมีมติ : 10 ส.ค. 2561 ชนิดการปันผล : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) : 24 ส.ค. 2561 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 23 ส.ค. 2561 จ่ายให้กับ : ผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 0.15 จ่ายจากกำไรสุทธิ : 0.00 ส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (NON-BOI)(บาท/หุ้น) จ่ายจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน : 0.15 (BOI)(บาท/หุ้น) มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท) : 2.00 วันที่จ่ายปันผล : 07 ก.ย. 2561 จ่ายปันผลจาก : งวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค.
2561 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2561