GULF เผยพลิกขาดทุน Q2/61 หลังขาดทุน FX แต่กำไรปกติพุ่งตามแผน COD โรงไฟฟ้า ,คาดเซ็นกู้เงิน IPP โรงใหม่ใน Q4/61

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday August 12, 2018 15:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เผยไตรมาส 2/61 พลิกขาดทุนสุทธิ 438.03 ล้านบาท จากระดับกำไรสุทธิ 686.39 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1,232.9 ล้านบาท หลังค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่กลุ่มบริษัทมีหนี้สินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาผลการดำเนินงานที่ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน กลุ่มบริษัทมีกำไร 794.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ การที่ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ในกลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็มพี จำกัด (GMP) ซึ่งบริษัทถือหุ้นอูยู่ 70% และการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็นให้กับทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมของโครงการโรงไฟฟ้า SPP ภายใต้กลุ่ม GMP และ บริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด (GJP) ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 40% โดยปริมาณการขายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็น ที่มากขึ้นนั้นยังส่งผลให้โรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 2 กลุ่มบริษัทเดินเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีอัตราการใช้ความร้อน (Heat rate) ที่ดีขึ้นด้วย

กลุ่ม GMP เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า SPP ก๊าซธรรมชาติ 12 โครงการ โดยในไตรมาส 2/61 สามารถรับรู้กำไรจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ ของโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ GVTP, GTS1, GTS2, GTS3, GTS4 และ GNC ได้เต็มทั้งไตรมาสเทียบกับไตรมาส 1/61 ซึ่งรับรู้กำไรเต็ม ไตรมาสของ 5 โครงการแรกที่ทยอยเปิดดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 ถึงเดือนมกราคม 2561 แต่รับรู้กำไรของ GNC ซึ่งเปิดดำเนินการในเดือนมีนาคม 2561 ได้เพียงเดือนเดียว นอกจากปัจจัยบวกจากจำนวนโครงการโรงไฟฟ้าที่ทยอยเปิดดำเนินการแล้ว กลุ่ม GMP ยังมีจำนวนลูกค้าอตุสาหกรรมเพิ่มขึ้น และมีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำจากฐานลูกค้าเดิมเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประมาณ 8.9% จากไตรมาสก่อน และไอน้ำ เพิ่มขึ้น ประมาณ 40% จากไตรมาสก่อน นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้า 5 โครงการแรกที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ยังมีปริมาณรับซื้อไฟฟ้าของกฟผ.ในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ทั้งนี้ ปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มขึ้น ของทุกโครงการโรงไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโรงไฟฟ้า และทำให้กลุ่ม GMP มีอัตราการใช้ความร้อนเฉลี่ยที่ดีขึ้น อย่างต่อเนื่องประมาณ 0.6% จากไตรมาสก่อน และ 3.3% จากงวดปีก่อน

ส่วนกล่มุ GJP ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ก๊าซธรรมชาติ 2 โครงการ และ SPP ก๊าซธรรมชาติ 7 โครงการ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แม้ว่าในไตรมาส 2/61 โครงการโรงไฟฟ้า GNS ได้หยุดซ่อมบำรุงตามแผนเป็นระยะเวลาประมาณ 18 วัน ซึ่งโรงไฟฟ้าก็สามารถซ่อมบำรุงได้ตามแผนการที่กำหนด อย่างไรก็ดีโครงการโรงไฟฟ้า SPP ภายใต้กลุ่ม GJP มีผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากสามารถขายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็นให้กับ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 จึงทำให้บริษัทสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติ (core profit) จากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าจำนวน 706.3 ล้านบาท เทียบกับ 694.8 ล้านบาทในไตรมาส 1/61 หรือเพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสที่ผ่านมา

สำหรับความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและการพัฒนาในไตรมาส 2/61 ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า SPP ก๊าซธรรมชาติจำนวน 6 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนงานก่อสร้างเล็กน้อย โดยความคืบหน้าอยู่ระหว่างประมาณ 73-99% บริษัทคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้า GBL ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 126.8 เมกะวัตต์ หรือ 66.6 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น และโครงการโรงไฟฟ้า GBP ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 126.8 เมกะวัตต์ หรือ 66.6 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น จะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนดในวันที่ 1 กันยายน 2561 และ 1 พฤศจิกายน 2561 ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งตามสัดส่วนของบริษัท เพิ่มขึ้น 133.2 เมกะวัตต์ จาก 2,120.2 เมกะวัตต์ เป็น 2,253.4 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2561

โครงการโรงไฟฟ้า SPP ชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 25.0 เมกะวัตต์ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เริ่มดำเนินการก่อสร้างตามแผน โดยมีความคืบหน้าประมาณ 4% , โครงการก่อสร้างท่อก๊าซธรรมชาติ (NGD) เพื่อจำหน่ายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ดจำนวน 2 โครงการ มีความคืบหน้าประมาณ 65% และ 40% ตามลำดับ ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ TTCIZ-01 ในประเทศเวียดนาม เริ่มดำเนินกิจกรรมการก่อสร้างในส่วนของการปรับพื้นที่ และงานฐานรากในเดือนพฤษภาคม 2561 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กำหนด

ส่วนการจัดหาเงินกู้ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 2,650 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยโครงการได้รับความสนใจจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเบื้องต้นได้รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าแผนที่คาดไว้ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาเงินกู้ และเบิกเงินกู้ได้ภายในไตรมาส 4/61


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ