(เพิ่มเติม) TOP เผยขยายหน่วย CDU-3 และซ่อมบำรุงใหญ่แล้วเสร็จก่อนกำหนด 1 สัปดาห์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 19, 2007 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยถึงการดำเนินการก่อสร้างหน่วยกลั่นส่วนขยายเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของหน่วย CDU-3 รวมถึงการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามวาระของหน่วยกลั่นต่างๆว่า  ได้ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดประมาณ 1 สัปดาห์ และสามารถมาดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังตามที่ได้ออกแบบไว้ ทำให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการกลั่นรวมเป็น 275,000 บาร์เรลต่อวันหรือเพิ่มขึ้น 22% จาก 225,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างขั้นตอนการเดินเครื่องเพิ่มขึ้นเพื่อทดสอบประสิทธิภาพการผลิต ณ ระดับสูงสุด ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าหน่วย CDU-3 สามารถใช้กำลังการผลิตได้สูงสุด 200,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้กำลังการผลิตสูงสุดรวมของบริษัทฯ มาอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาร์เรล/วัน นับว่าเป็นความสำเร็จอย่างสูงในการดำเนินการโครงการขยายกำลังการผลิตหน่วย CDU-3 ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการและประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทฯ และผู้รับเหมาผู้ควบคุมโครงการตลอดระยะเวลาดำเนินงานกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ TOP มีกำหนดก่อสร้างหน่วยกลั่นส่วนขยายเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 3 (CDU 3) อีก 50,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในปลายไตรมาส 4 ปี 2550 โดยบริษัทฯ ได้หยุดเดินเครื่องหน่วย CDU-3 หน่วย Continuous Catalyst Regeneration Platformer Unit ? 1 (CCR-1) และหน่วยผลิตสารมิกซ์ไซลีน (Mixed Xylene Unit) ของบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด เพื่อดำเนินการเชื่อมต่อท่อส่งน้ำมันต่างๆของส่วนเดิมและส่วนขยายเข้าด้วยกันและเพื่อตรวจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามวาระ (Major turnaround) ในระหว่างวันที่ 6 ตุลาคม - 10 ธันวาคม 2550
รวมทั้ง ได้หยุดเดินเครื่องหน่วย Hydrocracking Unit-2 (HCU-2) เพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามวาระ (Major Turnaround) ในระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2550
“ในด้านความคุ้มทุน โครงการลงทุนขยายกำลังการผลิตหน่วย CDU-3 อีก 50,000 บาร์เรลต่อวันใช้เงินลงทุนเพียง 218 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นต้นทุนการลงทุนได้บาร์เรลละประมาณ 4,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเพราะการสร้างโรงกลั่นใหม่ในปัจจุบันจะต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้นราว 3-5 เท่า ดังนั้น จึงทำให้ผลตอบแทนโครงการลงทุนในครั้งนี้อยู่ในระดับสูงมาก
และการที่โครงการดังกล่าวแล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนดและเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ บริษัทฯ จึงเตรียมโยกกำลังคนและผู้รับเหมาที่เสร็จภารกิจในการขยายกำลังการผลิตหน่วย CDU-3 เพื่อเข้าเสริมทีมในการดำเนินการโครงการก่อสร้างขยายงานของ บจ. ไทยพาราไซลีน ซึ่งวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตสารอะโรเมติกส์จาก 420,000 ตันต่อปี เป็น 900,000 ตันต่อปี โดยวางเป้าหมายที่จะดำเนินโครงการส่วนขยายดังกล่าวให้เสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 2551" นายวิโรจน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ