นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง รับผลวิกฤตค่าเงินตุรกีอ่อนค่าเร็ว ส่งผลตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียวานนี้ต่างปรับตัวลงทั่วหน้าเฉลี่ยเกือบ 2% แต่เช้านี้รีบาวด์กลับขึ้นมาได้บางตลาดฯ ทำให้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน โดยยังต้องติดตามดูสถานการณ์ในตุรกีจะหาทางแก้ไขปัญหาอย่างไร
ส่วนบ้านเราน่าจะปรับตัวลง โดยมีแนวรับ 1,690-1,695 จุด ส่วนแนวต้าน 1,715-1,720 จุด พร้อมให้ติดตามช่วงโค้งสุดท้ายของการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยให้ระวัง Sell on Fact
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,187.70 จุด ร่วงลง 125.44 จุด (-0.50%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,819.71 จุด ลดลง 19.40 จุด (-0.25%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,821.93 จุด ลดลง 11.35 จุด (-0.40%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 195.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 49.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.55 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 12.16 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ส.ค.61) 1,705.96 จุด ลดลง 16.52 จุด (-0.96%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 235.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ส.ค.61) ปิดที่ 67.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ส.ค.61) ที่ 7.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.36 อ่อนค่าตามตลาดโลก หลังนลท.กังวลวิกฤตค่าเงินตุรกี มองกรอบวันนี้ 33.20-33.45
- เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า จะรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำไตรมาส 2/2561 ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลขอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะออกมาไม่แตกต่างจากไตรมาสที่ผ่านมามากนัก โดยข้อมูลเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 2-3 ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง
- ภาพรวมธุรกิจทีวีดิจิทัลในขณะนี้สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากช่วงเวลาโฆษณาของแต่ละช่องมีสัดส่วนเฉลี่ยเหลืออยู่ที่ประมาณ 30-70% เพราะจำนวนผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าของสินค้าก็มีช่องทางในการเลือกใช้สื่อมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าวในส่วนของบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เห็นได้จากช่วงเวลาของการขายโฆษณาที่ยังมีสัดส่วนเหลือมากถึง 70%
- TMB Analytics คาดว่าจากความพร้อมของปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้เกินระดับศักยภาพทำให้เงินเฟ้อเริ่มปรับสูงขึ้น พฤติกรรมการลงทุนที่เปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น อีกทั้งการรักษา policy space เพื่อรับมือกับความเสี่ยงในอนาคต จะสนับสนุนให้ กนง. ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยการรักษา policy space เป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะสูงขึ้นในอนาคต
- 4 องค์กรชาวไร่อ้อยเตรียมส่งหนังสือถึงกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการช่วยเหลือวิกฤตราคาอ้อยฤดูการผลิตใหม่เสี่ยงตกต่ำสุดรอบ 10 ปี หวังใช้ ม.44 กู้แบงก์ดูแล ด้านอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายไทยกดดันปากีสถาน อินเดีย กลุ่มอียูเลิกมาตรการอุดหนุนการส่งออก
- "อนุสรณ์ ธรรมใจ"เผยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน อาจขยายวงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบการค้าโลก ระบบการผลิตโลก และเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ขณะที่ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น โดยอาจจะขยายวงกว้างมากกว่าการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กัน ทั้งนี้ อาจเกิดกระแสการรณรงค์ต่อต้านสินค้าของประเทศคู่ขัดแย้งเป็นสัญญาณอันตรายต่อระบบการค้าโลกและสันติภาพ สหรัฐอเมริกาอาจบีบจีนด้วยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมมาตรการกำหนดโควต้า ในขณะที่จีนอาจลดค่าเงินหยวนและเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลต่อความผันผวนในตลาดการเงินโลก
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 58 บาท กำไรจากการดำเนินงาน H1/61 ที่ 71,657 ล้านบาท คิดเป็น 53% ของคาดการณ์ คาดปันผล 0.90 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 1.7% และแนวโน้มผลประกอบการปกติ Q3/61 คาดทรงตัว QoQ กำไรธุรกิจสำรวจและผลิตคาดปรับขึ้นจากทั้งด้านปริมาณขายและการปรับราคาก๊าซฯ ธุรกิจน้ำมันคาดฟื้นตัวจากการปรับราคาอากาศยานสะท้อนต้นทุนได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากธุรกิจโรงกลั่นที่กำไรสต๊อกน้ำมันจำนวนมากไม่เกิดซ้ำ ขณะที่ธุรกิจก๊าซฯ คาดทรงตัว จากธุรกิจจัดหาที่ปรับราคาขายเพิ่มขึ้นได้ ช่วยชดเชยผลกระทบจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่มีแผนหยุดซ่อมบำรุง
- ANAN (เอเอสแอล)"ซื้อ"เป้า 6.50 บาท กำลังกลับมาเป็นเจ้าคอนโดฯ ที่โดดเด่นอีกครั้งหลังจากสามารถโอนโครงการ Ashton Asoke ได้ หลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวจากคอนโด Joint Venture ที่มียอดขายน่าพอใจ และรับรู้รายได้ในปีนี้ตลอดจนถึงปีหน้า พร้อมคาดการณ์กำไรปีนี้อยู่ที่ 2,298 ล้านบาทจากยอดขายและยอดโอนเกินคาดใน H2/61 จะมีการโอน 4 คอนโดฯ และในปี 62 จะมีการโอนคอนโนอีกจำนวน 11 โครงการ
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 29 บาท ประกาศงบ Q2/61 วันนี้ คาดกำไรปกติ 2,098 ลบ. -28.1% Q-Q, +31.5% Y-Y มีโอกาสออกมามากกว่าคาดหากอิงจากโรงพยาบาลอื่นที่ประกาศออกมาก่อนหน้าส่วนใหญ่โตโดดเด่น พร้อมมองโมเมนตัมการเติบโตช่วง H2/61 ยังแกร่ง คาดกำไรทำจุดสูงสุดของปีใน Q3/61 จากอานิสงส์ High Season ด้านหุ้นกู้แปลงสภาพล่าสุดมีผู้ทยอยใช้สิทธิและเหลือยอดเงินต้น 6,114 ลบ.หรือราว 29.2 ล้านหุ้น (1.9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) กระทบจำกัดต่อ Valuation