หุ้น BEAUTY ราคาพุ่งขึ้น 8.09% มาอยู่ที่ 7.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท มูลค่าซื้อขาย 593.83 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.17 น. โดยเปิดตลาดที่ 7.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 7.45 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.20 บาท
นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรก 61 บริษัทมีรายได้รวม 1,762.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,574.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.91 % และมีกำไรสุทธิ 538.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 472.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.94%
ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/61 มีรายได้รวม 857.52 ล้านบาท ลดลง 3.36 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 887.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 256.35 ล้านบาท ลดลง 6.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 273.18 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งปีแรกยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการที่ผลิตภัณฑ์ของทุกแบรนด์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศครบทุกช่องทาง พร้อมทั้งมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆให้ครอบคลุมต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้า จึงส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น
ด้านผลประกอบการ Q2/61 ชะลอตัวเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบระยะสั้นจากกรณีตลาดเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระแสข่าวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของบริษัทอื่นไม่ผ่านมาตรฐาน อย.ส่งผลกระทบให้ฐานลูกค้ารายย่อยระมัดระวังการซื้อมากขึ้น แต่ในระยะยาวถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัท เพราะสินค้าของบริษัทผลิตถูกต้องมีเลขที่จดแจ้งที่ได้รับการรับรองจาก อย.ทุกรายการ
อีกทั้งกระแสข่าวเรื่อง อย.ปราบปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐานของบริษัทอื่นยังกระทบต่อการส่งออกสินค้าทุกประเภทไปประเทศจีนล่าช้าทำให้ลูกค้าขายส่งของบริษัทต้องใช้ระยะเวลาในการนำสินค้าออกมากกว่าเดิม ประกอบกับสินค้าบางรายการของ Beauty Cottage มีกระแสความนิยมลดลง ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ออกสินค้าใหม่เพื่อสร้างยอดขายทดแทนสินค้าเดิม
"บริษัทยังรักษาความสามารถทำกำไรได้ในเกณฑ์ดี โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 30.57% อัตรากำไรขั้นต้น 66.68% และไตรมาส 2/61 มีอัตรากำไรสุทธิ 29.89% อัตรากำไรขั้นต้น 65.61% ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและมีช่องทางการตลาด ช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างหลากหลาย"นพ.สุวิน กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.61 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.162 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 90.01 %ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 484.95 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผล(Record Date)ในวันที่ 28 ส.ค. 61 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 7 ก.ย. 61
นพ.สุวิน กล่าวถึงกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดในประเทศจะโฟกัสการขยายสาขาของทุก Shop Brand โดยเน้นการขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพในหัวเมืองท่องเที่ยว และกรุงเทพฯ รวมทั้งพัฒนาสินค้าและขยายช่องทางจำหน่ายเข้าสู่ตลาดคอนซูเมอร์ที่เป็น Mass Market ซึ่งจะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายโดยใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline)
ขณะเดียวกันจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "Beauty Cottage LuxurySeries" ที่เซ็นทรัลเวิลด์เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานอย่างมากมายทั้งดารา เซเลบริตี้ บิวตี้บล็อกเกอร์และสื่อมวลชน มีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และมีแผนจะออกสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง
ส่วนตลาดต่างประเทศในช่วงไตรมาส 3/61 บริษัทจะจัดการประชุมร่วมกับตัวแทนจำหน่ายทั้ง 11 ประเทศเพื่อกำหนดกลยุทธ์การตลาด รูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันยอดขายให้มีการเติบโต ในส่วนของการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบใหม่ Cross border E-commerce หรือการซื้อขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศจีน
ขณะนี้บริษัทได้เซ็นสัญญากับตัวแทนจำหน่าย 3 รายเพื่อจำหน่ายใน 5 แพลตฟอร์มประกอบด้วย TMALL KAOLA VIP YUNJI และ JD โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าจากกลยุทธ์การดำเนินงานดังกล่าวจะส่งให้ผลประกอบการเติบโตได้ดีในครึ่งปีหลังและรายได้รวมปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รายได้มากกว่า 4,290 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 20%
"ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางในครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และสินค้าของ BEAUTY ทุกแบรนด์ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนนักท่องเที่ยว"นพ.สุวิน กล่าว