ดัชนีหุ้นไทยเปิดทำการวันแรกของสัปดาห์ร่วงไปเป็นกว่า 20 จุด โดยดัชนีกลับมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 1,700 จุดอีกครั้ง รับปัจจัยลบจากต่างประเทศที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ร่วงลง จากความกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของค่าเงินตุรกี รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศอื่น ๆ ฉุดให้มีแรงขายออกมาในหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มพาณิชย์ พลังงาน แบงก์ และเทคโนโลยี ฉุดให้ดัชนีร่วงลงแรงในการซื้อขายเช้านี้
เมื่อเวลา 9.57 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,692.77 จุด ลดลง 13.19 จุด (-0.77%)
และ ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,685.11 จุด ลดลง 20.85 จุด (-1.22%)
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด รับผลจากวิกฤตค่าเงินในตุรกี ซึ่งตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียได้ปรับตัวลงไปรับเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แต่ตลาดบ้านเราปิดทำการวานนี้ทำให้วันนี้ดัชนีปรับลงมาชดเชย ขณะที่ตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ยังติดลบอยู่
ส่วนบ้านเราก็มี Sentiment ลบจากความไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งอาจจะถูกเลื่อนออกไป หรือชะลอออกไปก่อน หลังจากที่มีการพูดถึงการแก้ไขกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังเดือนส.ค.นี้ มองว่าภาพรวมบรรยากาศการเก็งกำไรอาจจะชะลอ เพราะได้มีการปรับพอร์ตหุ้นในภูมิภาค และไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีน อีกทั้งยังมีตัวเร่งการปรับพอร์ตให้เร็วขึ้น จากประเด็นความไม่มั่นใจการเลือกตั้งที่อาจจะชะลอ และปัญหาที่ตุรกี อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของหุ้นไทยและทั่วโลกยังค่อนข้างจะดี
พร้อมให้แนวรับ 1,650-1,660 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด