นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เน็ตเบย์ (NETBAY) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ร่วมกับท่าเรือกรุงเทพและธนาคารกรุงไทย (KTB) เตรียมรุกให้บริการ E-Payment ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ส่งออกสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ ได้แก่ 1.การให้บริการจัดเก็บค่าภาระยกขนตู้สินค้า 2.จัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า 3.จัดเก็บค่าบริการชั่งน้ำหนักตู้สินค้าขาออก ด้วยการหักบัญชีของธนาคารกรุงไทยทางระบบออนไลน์เป็นธนาคารนำร่องและจะขยายบริการผ่านธนาคารอื่นๆ ในอนาคต โดยสามารถขอรับใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้ และนำใบเสร็จชั่วคราวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (QR Code) มาขอรับที่จุดให้บริการเดิม (บริเวณประตูตรวจสอบเขื่อนตะวันออก) คาดว่าท่าเรือกรุงเทพจะเริ่มให้บริการระบบ E-Payment ในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0
สำหรับผู้ที่สนใจสมัครใช้บริการหักบัญชีธนาคารทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เว็บไซต์การท่าเรือแห่งประเทศไทย (www.port.co.th) และสมัครใช้ระบบ E-Payment หลังจากนั้นปฏิบัติตามขั้นตอน ได้แก่ 1.ส่งข้อมูลตู้สินค้าขาออกผ่าน NSW (National Single Window) หรือตู้สินค้าเปล่าให้แก่ท่าเรือกรุงเทพ 2.ชำระเงินทางระบบ E-Payment และรับ QR Code 3.นำตู้สินค้าขาออกหรือตู้สินค้าเปล่าผ่านประตูตรวจสอบเขื่อนตะวันออก ทางช่อง E-Payment 4.นำตู้สินค้าขาออกผ่านประตูตรวจสอบTerminal ได้ทุกช่องทางหรือนำตู้สินค้าเปล่าผ่านประตูตรวจสอบ Terminal หรือประตูตรวจสอบลานตู้เปล่า และ 5.รับใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบด้วย QR Code ที่ประตูตรวจสอบเขื่อนตะวันออก
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มธุรกิจการให้บริการ Digital Business Services ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันภาครัฐและภาคเอกชนเล็งเห็นถึงความสะดวกและรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางออนไลน์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน และยังเป็นการปรับตัวเข้าสู่การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการขยายบริการDigital Business Services ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทำธุรกรรมออนไลน์ รวมถึงมองโอกาสขยายการลงทุนแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคง
สำหรับผลดำเนินงาน NETBAY ไตรมาส 2/61 (เม.ย.-มิ.ย.2561) มีกำไรสุทธิ 36.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 28.08 ล้านบาท และยังสูงกว่ากำไรสุทธิไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่รายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 89.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 73.32 ล้านบาท และยังสูงกว่ารายได้จากการให้บริการในไตรมาสก่อนหน้า
ปัจจัยมาจากผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลแทนระบบเอกสารรับยุค 4.0 ภาพรวมเศรษฐกิจที่เติบโตดีขึ้น ภาคอุตสาหกรรมการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีขึ้น และนโยบายภาครัฐในการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) ที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเข้าสู่ยุคดิจิทัล ส่งผลให้มีความต้องการใช้บริการทำธุรกรรมทางออนไลน์ผ่านระบบของเน็ตเบย์แทนการใช้เอกสารเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากลูกค้าที่ใช้บริการ TG-e-Import Service Payment Gateway เพิ่มขึ้นเพื่อรับชำระเงินค่าคลังสินค้าของการบินไทยในสนามบินสุวรรณภูมิให้แก่ผู้ใช้บริการผ่านทางเน็ตเบย์ เกตเวย์ หลังจากเปิดให้บริการเมื่อเดือนมกราคม 2561
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2561) ที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นในทิศทางเดียวกัน โดยมีกำไรสุทธิ 71.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 54.53 ล้านบาท และมีรายได้จากการให้บริการรวม 176.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 150.65 ล้านบาท