นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า ดุสิตธานีกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ทำให้ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารได้ประเมินผลที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าไว้แล้วว่า มีโอกาสที่รายได้จากการดำเนินงานจะเติบโตได้ไม่มากหรือไม่เติบโตเลย เพราะบริษัทจะต้องทยอยปรับปรุงโรงแรมหลายแห่งที่เปิดให้บริการมานานด้วยการใส่เงินลงทุนจำนวนมาก รวมถึงการหยุดให้บริการของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในวันที่ 5 ม.ค.62
ดังนั้น ฝ่ายบริหารจึงตัดสินใจวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ตลอดจนจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อให้เกิดความกระชับและคล่องตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นไว้ให้ได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวบรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นได้จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปีนี้
"แม้รายได้จากธุรกิจโรงแรมจะลดลงไปบ้าง แต่เรายังมีรายได้จากการจัดโครงสร้างธุรกิจที่เป็นรายได้จากการลงทุนระยะยาว ซึ่งเราเชื่อว่าจะทำให้การดำเนินงานโดยรวมมีความคล่องตัวขึ้น ขณะเดียวกัน เราก็มีการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจอาหารผ่าน NRIP ที่เราเข้าไปลงทุน ซึ่งทำให้ดุสิตธานีเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในธุรกิจใหม่แล้ว โดยหลังจากนี้ เรายังคงศึกษาและแสวงหาโอกาสที่จะขยายการลงทุนไปในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีศักยภาพในอนาคต"นางศุภจี กล่าว
นางศุภจี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามธุรกิจหลักของดุสิตธานียังคงเป็นธุรกิจโรงแรม ซึ่งในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะเปิดโรงแรมภายใต้การบริหารของดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล อีก 10 แห่ง ในประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ ภูฏาน ฟิลิปปินส์ บาห์เรน และจีน
สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 2,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% ขณะที่กำไรสุทธิ 231 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 632% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ๆ เช่น รายได้จากเงินลงทุนระยะยาว และการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ธุรกิจที่วางไว้ตั้งแต่แรก ขณะเดียวกัน ผลประกอบการจากการดำเนินงานปกติของธุรกิจ ก็ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตที่น่าพอใจ โดยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 191% มาอยู่ที่ 93 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/61 มีรายได้รวม 1,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 3.9% และมีกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุนสุทธิ 92 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่บริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิไว้ได้