โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) หลังมองกำไรปีนี้ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/61 อาจจะชะลอตัวลงบ้างจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน ซึ่งกระทบต่อปริมาณการขาย แต่มาร์จิ้นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับได้รับประโยชน์เต็มปีจากโครงการ Asset Injection ซึ่งเป็นการซื้อหุ้น 6 บริษัทในธุรกิจปิโตรเคมีสายโพรพิลีน สายเคมีภัณฑ์ชีวภาพจากกลุ่ม บมจ.ปตท.(PTT) รวมถึงค่าการกลั่นยังมีแนวโน้มดีในครึ่งปีหลัง ก็จะช่วยหนุนกำไรปีนี้ให้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท
ขณะที่การเข้าซื้อธุรกิจ PTA และ PET จากกลุ่ม บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือเอสซีจี จะช่วยต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์พาราไซลีน (PX) และโมโนเอทีลีนไกลคอล (MEG) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการวัตถุดิบต้นทาง และบริหารผลกำไรตลอดสายธุรกิจได้อย่างเหมาะสม จากปัจจุบันที่ PTTGC ไม่มีผลิตภัณฑ์ PTA และ PET อยู่ในมือ ซึ่งโบรกเกอร์มองการเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าวเป็นบวกแม้ว่าอาจจะมองไม่เห็นผลชัดเจนในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็ตาม
ด้านราคาหุ้น PTTGC ที่ปัจจุบันมี Valuation ที่ถูกและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่กว่า 5% ทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุน
ราคาหุ้น PTTGC พักเที่ยงอยู่ที่ 81.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.30% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 1.13%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 99 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 107 ทรีนีตี้ ซื้อ 110 เอเชีย พลัส ซื้อ 98 ทิสโก้ ซื้อ 100 บัวหลวง ซื้อ 120 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 110 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 120 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 113 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 106 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 111 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 120 แอพเพิล เวลธ์ ซื้อ 105 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 100
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น PTTGC มีความน่าสนใจจาก Valuation ที่ไม่แพง และจ่ายปันผลระดับสูง ประกอบกับมีกำไรที่ดี โดยผลประกอบการในไตรมาส 2/61 ได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่สามารถเดินเครื่องผลิตได้ดี และยังมีกำไรจากสต็อกน้ำมันเข้ามา ช่วยผลักดันให้ผลกำไรยังดี แม้จะมีการตั้งสำรองผลกระทบกรณีวัตถุดิบของ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) หายก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าในไตรมาส 3/61 ผลประกอบการของ PTTGC อาจจะชะลอตัวลงจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงโอเลฟินส์ ทำให้การใช้กำลังการผลิตอาจจะอ่อนตัวลงแต่ส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้ PTTGC มีโอกาสที่จะทำกำไรแตะระดับ 4.4 หมื่นล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ โดยส่วนหนึ่งยังได้รับประโยชน์จากโครงการ Asset Injection ที่จะรับรู้ได้เต็มปี และสเปรดผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นด้วย
"Q3 ที่เราประเมินไว้กำไรอาจจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่น่าจะเห็นในหลัก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรที่ค่อนข้างดี ภาพของ PTTGC เป็นลักษณะของการยกฐานกำไรจากที่เคยทำได้ระดับ 6-7 พันล้านบาทต่อไตรมาส เดี๋ยวนี้ก็ขึ้นมาอยู่ระดับหมื่นล้านบาท"นายสุทธิชัย กล่าว
นายสุทธิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้าซื้อธุรกิจ PTA และ PET นั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยต่อยอดธุรกิจของ PTTGC ที่ปัจจุบันมีวัตถุดิบ คือ PX และ MEG รองรับการผลิต PTA และ PET อยู่แล้ว ก็จะทำให้ PTTGC สามารถผลิตได้ครบวงจรทั้งหมด ประกอบกับธุรกิจที่เข้าซื้อมีโรงงานอยู่ในไทยซึ่งก็จะทำให้ PTTGC สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดที่คุ้นเคยทั้งในไทย และอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพของการเติบโต อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวอาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจนในเร็ววันนี้ แต่ก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะรองรับการเติบโตในอนาคต
นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มกำไรของ PTTGC ในไตรมาส 3/61 จะปรับตัวลงจากไตรมาสก่อน รับแรงกดดันจากแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงงานในช่วงเดือน ก.ย.61 และสเปรดผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่อ่อนตัวลงจากกำลังผลิตใหม่ของโรงงานเอทิลีนแครกเกอร์กว่า 4 แห่งในสหรัฐฯที่ทยอยเปิดดำเนินการในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ก็จะได้รับผลกระทบจากกำลังผลิตใหม่ที่จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ด้วยเช่นกัน รวมถึงค่าการกลั่นที่จะอ่อนตัวลงตามช่วงโลว์ซีซั่น และคาดว่าจะไม่มีการบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันในระดับสูงเหมือนในไตรมาสที่ผ่านมาด้วย
ส่วนการเข้าซื้อกิจการ PTA และ PET นั้นจะช่วยต่อยอดจากการผลิต PX ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นต้น และการผลิต MEG ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นกลางที่ PTTGC มีอยู่แล้วนั้น นับเป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ขั้นปลายสาย PET ที่จะทำให้ PTTGC สามารถบริหารผลกำไรตลอดสายธุรกิจได้สมบูรณ์
"แม้ราคาหุ้น PTTGC ปัจจุบันจะผ่านการปรับฐานไปมากจนเห็น downside จำกัด แต่ทิศทางกำไรในไตรมาส 3/61 ที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ก็จะทำให้โอกาสที่ราคาหุ้นจะ outperform ค่าเฉลี่ยตลาดได้ค่อนข้างยาก แนะนำให้หาจังหวะทยอยลงทุน แต่สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วก็ให้ถือต่อไปเพื่อรับปันผลที่ค่อนข้างสูงกว่า 5%"นางสาวนลินรัตน์ กล่าว
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มในไตรมาส 3/61 ของ PTTGC คาดว่าผลการดำเนินงานหลักจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน ,มาร์จิ้นของธุรกิจโอเลฟินส์ที่ลดลงตามสเปรด อย่างไรก็ตามกำไรปกติในครึ่งแรกปีนี้ที่ระดับ 2.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปีนี้ ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 61 ที่ระดับ 4.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน และทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ด้านบทวิเคราะห์บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ผลประกอบการของ PTTGC ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ คิดเป็น 53% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปี 61 ที่ระดับ 4.4 หมื่นล้านบาท จากค่าการกลั่นและสเปรดโอเลฟินส์ยังมีแนวโน้มดีในครึ่งหลังของปีนี้ และจะเข้าสู่ Hurricane season ในช่วงไตรมาส 3/61 ทำให้ประมาณค่าการกลั่นของปีนี้ที่ระดับ 6.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันค่าการกลั่นอยู่ที่ 6.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ยังต้องจับตาในส่วนของธุรกิจอะโรเมติกส์ด้วย โดยปัจจุบัน PTTGC อยู่ระหว่างการจะเข้าซื้อกิจการ PET และ PTA จากเอสซีจี
อนึ่ง PTTGC จะเข้าซื้อหุ้น 74% ในบริษัท Siam Mitsui PTA Company Limited (SMPC) ผู้ประกอบการในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์กรดบริสุทธิ์เทเรพาธิค (PTA) และ Thai PET Resin Company Limited (TPRC) ผู้ประกอบการในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนเรฟทาเลต (PET) โดยเป็นการซื้อจากเอสซีจี ด้วยเงินลงทุนประมาณ 125 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/61
PTTGC ซึ่งปัจจุบันไม่มีการผลิต PTA และ PET แต่มีวัตถุดิบต้นทางในการผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งสอง โดย PTTGC มีแผนจะนำ PTA มาใช้เป็นวัตถุดิบร่วมกับ MEG ที่มีการผลิตอยู่แล้วเพื่อใช้ในการผลิต PET ที่มีผลิตภัณฑ์ปลายทางในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขวดและฟิล์มที่ยังมีศักยภาพการเติบโต นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์สิ่งทอ