สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (6 - 10 สิงหาคม 2561) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 341,437.52 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 68,287.50 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 21% ทั้งนี้เมื่อแยกตาม ประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 68% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 230,689 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขาย เท่ากับ 56,169 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 13,587 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% และ 4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิด ขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB226A (อายุ 3.9 ปี) LB28DA (อายุ 10.4 ปี) และ LB22DA (อายุ 4.4 ปี) โดยมีมูลค่าการ ซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,160 ล้านบาท 6,337 ล้านบาท และ 5,966 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุ่น BAY217A (AAA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,142 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด รุ่น KCC203A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 1,132 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) รุ่น IVL236B (A+) มูลค่าการซื้อขาย 688 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นในตราสารระยะยาวประมาณ 2-4 bps. ด้านปัจจัยต่างประเทศ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ลดลง 6,000 ราย อยู่ที่ 213,000 ราย สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย ขณะที่สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 1.9% เมื่อเทียบ เป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของสำนักข่าวเกียวโดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 1.2% ด้านปัจจัยในประเทศ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามแรงส่งจากภาคอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ตลาด ติดตามรายงาน GDP ของสหภาพยุโรปในไตรมาสที่ 2/2561 (14 ส.ค.)
สัปดาห์ที่ผ่านมา (6 – 10 ส.ค. 2561) มีกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 2,238 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 2,771 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) 544 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) 11 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (6 - 10 ส.ค. 61) (31 ก.ค. - 3 ส.ค. 61) (%) (1 ม.ค. - 10 ส.ค. 61) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 341,437.52 283,345.25 20.50% 12,437,375.48 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 68,287.50 70,836.31 -3.60% 82,915.84 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 105.03 104.98 0.05% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price index) 104.76 104.91 -0.14% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (10 ส.ค. 61) 1.2 1.5 1.58 1.96 2.28 2.71 3.08 3.36 สัปดาห์ก่อนหน้า (3 ส.ค. 61) 1.21 1.49 1.55 1.94 2.26 2.73 3.04 3.39 เปลี่ยนแปลง (basis point) -1 1 3 2 2 -2 4 -3