นายทิโมธี อลัน พอตเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/61 ว่า SPRC มีกำไรสุทธิ 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,323 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับกำไรสุทธิ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 594 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกของปี 2561 จำนวน 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับกำไร 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,503 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทมีความพร้อมของหน่วยการผลิตสูงสุด 100% ทำให้ประสบความสำเร็จในด้านความเชื่อถือได้ (reliability) และการเพิ่มประสิทธิภาพของอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมัน (utilization) ส่งผลให้มีปริมาณการผลิตในหอกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) และหน่วยแตกโมเลกุลด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (RFCCU) อยู่ในระดับที่สูงมาก นอกจากนี้ บริษัทยังคงรักษาความเป็นเลิศในด้านความปลอดภัย สามารถปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยมากกว่า 5 ปี หรือ 16.8 ล้านชั่วโมง โดยไม่มีการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน ซึ่งเป็นผลมาจากวัฒนธรรมองค์กร "ครอบครัวเดียวกัน (ONE FAMILY CULTURE)" ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างผลการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ
ทั้งนี้ SPRC ระบุในเอกสารแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมีค่าการกลั่นทางบัญชี ซึ่งรวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นมาที่ 10.51 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จาก 5.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในงวดปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และยังคงมีการใช้กำลังการผลิตที่สูง โดยมีปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่น 1.65 แสนบาร์เรล/วัน หรืออยู่ในระดับ 100% ของกำลังการกลั่น ขณะที่ในไตรมาส 2/60 ได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันดิบเป็นเวลา 10 วันในเดือนมิ.ย. และมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรหรือหรือขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ค่าการกลั่นตลาดของบริษัทในไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 6.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 6.85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในไตรมาส 2/60 เนื่องจากการอ่อนตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เบนซิน