นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีไอ อีเลคตริค (SCI) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน หลังจากโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมกำลังการผลิตเสาที่ 7,500 ตันต่อปี และโรงงานชุบสังกะสีหรือชุบกัลป์วาไนซ์กำลังการผลิตที่ 2.4 หมื่นตันต่อปีในประเทศเมียนมา เริ่มเปิดอย่างเป็นทางการในเดือน ส.ค.61 ที่ผ่านมา โดยโรงงานดังกล่าวมีมูลค่าลงทุนกว่า 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 66 ล้านบาท
"ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในเมียนมามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งภาคเอกชนก็เร่งขยายเครือข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดย SCI ได้จับมือกับพันธมิตรในเมียนมา และจีน เพื่อพัฒนาโครงการสายส่งร่วมกัน หากสามารถเจาะตลาดในเมียนมา ได้สำเร็จ SCI จะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้รับเหมา มีรายได้ที่เกื้อหนุนกัน ผลักดันผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต"
อนึ่ง SCI แจ้งผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกขาดทุน 2.17 ล้านบาท จากที่กำไร 9.38 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่งวดไตรมาส 2/61 มีรายได้รวม 360.99 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.03 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/60 ที่มีรายได้รวม 310.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.28% และ กำไรสุทธิ 3.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 594.64%
สำหรับแผนขยายการลงทุนในประเทศในปีนี้จะมีการลงทุนของบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท ทียูทิลิตี้ส์ จำกัด (TU) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่าง SCI และ บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) โดย SCI ถือหุ้น 45% เพื่อลงทุนในพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภคต่างๆ โดยในปีนี้มีเป้าหมายรับงานโซลาร์รูฟบนหลังคาโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีโครงการที่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโรงงานอุตสาหกรรมไปแล้ว 4 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างทยอยจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยติดตั้งในปีนี้และปีหน้า
ส่วนงานในในมือที่รอรับรู้รายได้จากในประเทศ (Backlog) ปัจจุบันมีประมาณ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นงานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และเสาโทรคมนาคม จำนวน 400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงานตู้สวิตซ์บอร์ด และรางเดินสายไฟ