นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ (ASAP) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ให้เช่าในตลาดประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทเตรียมปรับเป้าหมายการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้จากเดิม 20% เพิ่มขึ้นเป็น 30%
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มพอร์ตรถยนต์ใหม่ในปีนี้เพิ่มเป็น 5,000 คัน จากเดิมที่มี 4,000 คัน รองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ให้เช่าระยะยาวที่ ASAP ประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าองค์กรใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึงรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่ารายชั่วโมงภายใต้แบรนด์ asap GO
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดให้บริการ asap Auto Park เฟส 1 ที่ถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นจุดจอดรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและจุดจำหน่ายรถยนต์ครบสัญญาเช่าที่คาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีกว่า 700-800 คันที่เข้ามาช่วยผลักดันการเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เปิดขายแฟรนไชส์ให้แก่นักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนเพื่อขยายไปยังตามหัวเมืองต่างจังหวัด โดยเป็นโมเดลการขายแฟรนไชส์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดย ASAP จะให้การสนับสนุนรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ครบสัญญาเช่าเพื่อจำหน่ายเป็นรถยนต์มือสอง ทำให้ผู้ที่ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ asap Auto Park ไม่ต้องใช้เงินลงทุนในตัวสินค้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์เพื่อไปขยายสาขาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทมีรายได้รวม 640.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 515.61 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 33.55 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 33.54 ล้านบาท
ปัจจัยการเติบโตของรายได้มาจากความสำเร็จในการทำตลาดรถยนต์ให้เช่าในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งรถยนต์ให้เช่าระยะยาว สามารถขยายฐานลูกค้าองค์กรรายใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึงยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายเดิมต่อสัญญาการเช่าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นมีอัตราการเติบโตที่ดีจากความต้องการใช้รถยนต์ให้เช่า เพื่อท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว เช่นเดียวกับธุรกิจรถยนต์ให้เช่ารายชั่วโมงภายใต้แบรนด์ asap GO ที่ขยายตัวได้ดี หลังขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วไปและเพิ่มจุดจอดรถเพื่อให้บริการเพิ่มเติมตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ สถาบันการเงิน และโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ทำให้อัตราการใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ งวดช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ASAP ทำรายได้รวม 1,248.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.77% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีกำไรสุทธิ 69.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
"เราพอใจกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 และครึ่งปีแรกที่สามารถผลักดันการเติบโต ทั้งในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของ ASAP ที่มีความแข็งแกร่งและเติบโตได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึงยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการจำหน่ายรถยนต์ครบสัญญาเช่าที่นำมาจำหน่ายที่แม้จะมีปริมาณไม่มากในช่วงครึ่งปีแรก แต่สามารถทำยอดขายต่อหน่วยได้ดีขึ้น จึงเป็นอีกแรงสนับสนุนที่ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตได้เป็นอย่างดี"นายทรงวิทย์ กล่าว