นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) กล่าวว่า บริษัทคาดครึ่งปีหลังนี้ผลการดำเนินงานในทุกด้าน ทั้งยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ และกำไรสุทธิ จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและแนวราบอีก 25 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และที่เหลือจะเป็นแนวราบ คาดว่าจะส่งผลดีต่อยอดขายทั้งปี 61 เติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายได้แล้ว 1.77 หมื่นล้านบาท
"แผนการเปิดโครงการในเบื้องต้นเดือน ก.ย.นี้ เราจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 4-5 พันล้านบาท ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีราชมังคลา (รามคำแหง) เป็นทำเลที่คาดหวังมาก คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ดี ส่วนในเดือน พ.ย.61 ก็จะเปิดตัวโครงการแนวราบใน จ.เชียงราย จากปัจจุบันมียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 10 ยูนิต ซึ่งน่าจะเป็นการส่งเสริมการเติบโตของ SPALI ได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนโครงการในต่างจังหวัดคิดเป็น 25% ของพอร์ต"
ทั้งนี้ นายไตรเตขะ มองความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องละมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงเรื่องของดีไซน์ ทำเลของโครงการที่มีการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ขณะที่ยอดปฎิเสธสินเชื่อในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับต้นปีที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมองว่าธนาคารพาณิชย์ยังคงมีความต้องการที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าอยู่
พร้อมกันนี้ ในครึ่งปีแรกบริษัทมีการเปิดโครงการทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบไปแล้วจำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวม 7.6 พันล้านบาท คาดจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นส่วนใหญ่ จากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 9.7 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ได้ทั้งหมด ทำให้รายได้ในปีนี้จะเติบโตมาอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในครึ่งปีแรกมีรายได้แล้วที่ 1.1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังต้องทำ Backlog เข้ามาเพิ่มอีก 4-5 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากโครงการใหม่ๆ และโครงการที่เหลือขาย
อนึ่ง แผนการดำเนินงานในปี 61 บริษัทตั้งเป้าการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและแนวราบไว้ที่ 35 โครงการ มูลค่ารวมราว 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการและแนวราบ 30 โครงการ โดยแผนการเปิดโครงการดังกล่าวบริษัทอาจมีการพิจารณาเลื่อนการเปิดโครงการบางโครงการไปเป็นปี 62 หากยอดขายสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับงบลงทุนรวมปีนี้วางไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยจะแบ่งเป็นใช้ซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการทั้งในปีนี้และปีหน้าจำนวน 9 พันล้านบาท และอีก 1.2 หมื่นล้านบาท จะใช้ในการพัฒนาโครงการ
นายไตรเตชะ กล่าวต่อว่า วันนี้บริษัทได้ประกาศราคาเสนอซื้อหุ้นบมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) เป็นราคาสุดท้ายที่ 4.10 บาท/หุ้น โดยเลื่อนการเปิดรับซื้อออกไปเป็นระหว่างวันที่ 25 ส.ค.-5 ก.ย.นี้ จากเดิมสิ้นสุด 31 ส.ค. มองว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาที่เหมาะสมที่บริษัทจะเข้าไปลงทุน และน่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดี
ขณะที่ยังมองว่า MK เป็นบริษัทที่น่าสนใจในแง่ของธุรกิจที่มีสินค้าหลากหลาย อีกทั้งยังมีที่ดินที่น่าสนใจอยู่หลายแปลง โดย SPALI มีความยินดีที่จะเข้าไปร่วมลงทุน โดยไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยนธุรกิจแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากการทำคำเสนอซื้อหุ้นดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ ณ ขณะนี้ยังไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดขายหุ้นให้ แต่เชื่อว่าเมื่อประกาศราคาเสนอซื้อสุดท้ายแล้วน่าจะมีผู้ที่ขายให้อย่างแน่นอน