นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับตัวลงได้อยู่ เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังย่อตัวลงอยู่ โดยตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงไปกว่า 200 จุด และดาวโจนส์ก็ปรับตัวลงด้วย นอกจากนี้ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นในตุรกียังมีอิทธิพลต่อตลาดฯอยู่ และ Fund Flow ยังคงไหลออกอยู่ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,660 จุด ส่วนแนวต้าน 1,680 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,162.41 จุด ลดลง 137.51 จุด (-0.54%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,818.37 จุด ลดลง 21.59 จุด (-0.76%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,774.12 จุด ลดลง 96.78 จุด (-1.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 223.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 31.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 452.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 53.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 25.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.27 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.82 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ส.ค.61) 1,676.29 จุด ลดลง 19.06 จุด (-1.12%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,970.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ส.ค.61) ปิดที่ 65.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ส.ค.61) ที่ 7.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.30 แนวโน้มแข็งค่าหลังดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 33.25-33.35
- รัฐบาลกระตุ้นท่องเที่ยว 55 เมืองรอง อนุมัติกฎกระทรวงนำค่าใช้จ่าย ที่พัก-แพคเกจทัวร์หักลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ถึงสิ้นปีนี้ กรมบัญชีกลางจัดสรรเงินสงเคราะห์ให้คนชราพกบัตรคนจน 50-100 บาท/เดือน วิกฤตค่าเงินตุรกีป่วนราคาทอง นักลงทุนกังวลลามระดับโลก
- บอร์ด รฟม.ไฟเขียวสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเชื่อมถึงแยกรัชโยธิน 2.6 กม. พร้อมเสนอกระทรวงคมนาคมและ คจร.พิจารณา เล็งเจรจาบีเอสอาร์สร้างเพิ่ม ขณะที่ส่วนต่อขยายสายสีชมพู เชื่อมเส้นทางเข้าเมืองทองธานี อิมแพค-ทะเลสาบ 2.8 กม. เตรียมเสนอผลศึกษาและประชาพิจารณ์ให้บอร์ดอนุมัติภายใน ส.ค.นี้
- พาณิชย์ยืนยันวิกฤติค่าเงินตุรกีไม่กระทบเป้าส่งออก ด้านกสิกรมองกระทบไทยทางอ้อมแต่ไม่มาก จับตาสถานการณ์ธนาคารยุโรป ขณะที่หุ้นไทยช็อก ดัชนีรูด 19 จุด ครึ่งปีใช้สิทธิ์ FTA-GSP ส่งออก 36,435.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18%
- เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะจัดให้มีการประมูลวันที่ 19 ส.ค.61 มีผู้ผ่านคุณสมบัติและมีสิทธิ์เข้าร่วมการประมูล 2 ราย ได้แก่ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) และ 2.บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN)
*หุ้นเด่นวันนี้
- BEM (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 8.6 บาท กลับสู่กลุ่ม Domestic ซึ่ง BEM น่าสนใจจากแนวโน้มกำไร Q3/61 โตต่อเนื่อง มีโอกาสได้สัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าเส้นใหม่เพิ่มเติม ซึ่งยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ และปีหน้าเปิดส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินหนุนจำนวนผู้โดยสารและรายได้โตก้าวกระโดด
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 84 บาท มองผ่านกำไรต่ำสุดของปีแล้วใน Q2/61 แม้ธุรกิจที่มาร์จิ้นดีอย่าง Counter Service น่าจะยังโตชะลอ รวมถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นใน 2Q61 ก็น่าจะยังมีต่อเนื่องใน H2/61 แต่ในแง่แนวโน้มรายได้ ยังน่าจะทำได้ดีจากฐานต่ำปีก่อน และการฟื้นตัวของราคาเนื้อสัตว์จะกลับมาหนุน MAKRO พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้ยังโตได้ 4.8% Y-Y และจะกลับมาโตเด่นมากขึ้นในปีหน้า 15.4% Y-Y นอกจากนี้แรงขายเบาลงทั้งใน SBL และการ Short ผ่าน Block Trade ในทางตรงข้าม NVDR กลับเร่งซื้อในเดือนนี้มากสุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับอัตราเร่งการปรับลงของราคาหุ้นที่เริ่มชะลอ จึงเป็นไปได้ที่จะเห็นการฟื้นกลับระยะสั้น
- CK (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 30.50 บาท ผลประกอบการทั้งปีนี้ประเมินว่าทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Sentiment ของกลุ่มจะเริ่มดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องไปจึงถึงปีหน้าจากโครงการขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาหนุน Backlog ให้กลุ่ม เพิ่มเติมเรื่องส่วนแบ่งรายได้ จึงคาดว่าปีนี้ BEM และ CKP จะมีผลการดำเนินงานที่ดีและช่วยหนุนหนุนรายได้รวมของ CK ทั้งนี้ CK ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลประจำรอบผลการดำเนินงานครึ่งปี 2561 ที่ 0.20 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 สิงหาคม 2561 และจ่ายจริงวันที่ 10 กันยายน 2561 คิดเป็น Dividend Yield 0.8%