ดัชนีหุ้นไทยต้นภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด รับ Sentiment ลบจากปัจจัยต่างประเทศที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับตุรกีฉุดให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวลดลง โดยตลาดหุ้นบ้านเรามีแรงขายออกมาในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในสัปดาห์นี้
เมื่อเวลา 10.28 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,665.67 จุด ลดลง 10.62 จุด (-0.63%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.40 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,667.26 จุด ลดลง 9.03 จุด (-0.54%)
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด ผันผวนในทางลง คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง รับผลจากวิกฤตค่าเงินในตุรกี แม้ว่าระหว่างทางดัชนีฯจะมีรีบาวด์ได้บ้างจากข่าวจะมีการเจรจาการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ อีกครั้งในปลายเดือนนี้ ทำให้ลดความกังวลทางฝั่งจีนลงไปได้บ้าง แต่ปัญหาทางตุรกียังกดดันอยู่ ดังนั้น หลังจากที่ดัชนีหลุดแนว 1,680 จุดลงมาทำให้มีโอกาสที่จะลงไปทดสอบระดับ 1,650 จุด
ทั้งนี้ ปัญหาค่าเงินที่เกิดขึ้นในตุรกีอาจจะมีผลกระทบต่อค่าเงินใน Emerging Market ไปด้วย แต่ไทยอาจได้รับผลกระทบน้อยมากเพราะฐานะการเงินแกร่ง แต่ที่น่าจับตาก็อินโดนีเซีย, อินเดีย, อาร์เจนตินา เป็นต้น
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปรับตัวลงแรง ทำให้ไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และนักลงทุนต่างชาติเวลานี้ก็ได้ขายทั้งหุ้น และอนุพันธ์ ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,665-1,650 จุด ส่วนแนวต้าน 1,680 จุด