นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมประกาศข่าวดี ในการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศอีก 2-3 โครงการเร็วๆ นี้ หลังจากล่าสุดบริษัทได้เข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามเพิ่มอีก 1 โครงการ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BGRIM อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้น 80% ในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตตามสัญญา 214 เมกะวัตต์) กับกลุ่มบริษัท Truong ThanhViet Nam Group Joint Stock Company (TTVN) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศเวียดนาม โดยอยู่ระหว่างกระบวนการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 20 ปี กับการไฟฟ้าของเวียดนาม (EVN) โดยมีอัตราขายไฟฟ้า 9.35 ดอลลาร์เซนต์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือน มิ.ย.62
ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มจาก 49% เป็น 100% ของโครงการ BGYSP ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ในไตรมาส 3/61 และเข้าซื้อหุ้น 55% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 420 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในกลางปี 62
นางปรียนาถ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานในปี 61 บริษัทยังเดินหน้าธุรกิจตามแผน โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าเติบโตไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อนที่ 1,646 เมกะวัตต์ มาที่ 2,091 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามการเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 445 เมกะวัตต์ โดยในช่วงครึ่งปีแรกเปิดดำเนินการไปแล้ว 2 แห่ง ส่วนช่วงที่เหลือของปีจะเปิด โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 31 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 1 โครงการในสปป. ลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 8,805 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้า ABPR3 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 ก.พ.61 ทำให้ในช่วงไตรมาส 2/61 เปิดดำเนินการเต็มจำนวน 3 เดือน อีกทั้งมีการจ่ายไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า ABPR4 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในวันที่ 1 มิ.ย.61 และจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิม ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,912 เมกะวัตต์
กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 688 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 34% จากไตรมาสก่อน แม้ว่ากำไรสุทธิตามงบการเงินจะอยู่ที่ 215 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขตามมาตรฐานทางบัญชี จากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นของเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและกระแสเงินสด ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปี 61 บริษัทมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานอยู่ที่1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 37.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทพิจารณาผลประกอบการและการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานที่ 1,200 ล้านบาทเป็นสำคัญ