บมจ.ปตท. (PTT) ประกาศราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ในวันนี้ (16 ส.ค.) อยู่ที่ระดับ 14.58 บาท/กิโลกรัม (กก.) เพิ่มขึ้น 29 สตางค์/กก. จากระดับ 14.29 บาท/กก.เมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดใหม่สะท้อนต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ขยับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลก โดยราคา NGV ดังกล่าวเป็นราคาขายปลีกในกรุงเทพฯที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่น
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTT กล่าวว่า ราคาก๊าซธรรมชาติของไทยเป็นระบบราคารวม (pool price) ที่อิงราคาก๊าซธรรมชาติจากในประเทศ, ราคาซื้อขายก๊าซฯจากเมียนมา และราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ตามสัญญาระยะยาว โดยราคา pool price ของไทยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 6.5 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดจร (spot) ของ LNG ตลาด JLC ที่อยู่ระดับ 9.6 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู และตลาด JKM Spot ที่อยู่ระดับ 7.8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู
ราคาก๊าซระบบ pool price ของไทยแม้จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ แต่การปรับขึ้นของราคาก๊าซฯของไทยก็นับว่าปรับขึ้นต่ำกว่าราคาในตลาดโลก และนับว่ามีเสถียรภาพเพราะไทยมีก๊าซฯในอ่าวไทยที่มีราคาต่ำ ทำให้สามารถบริหารจัดการราคาก๊าซฯไม่ให้มีความผันผวนได้ค่อนข้างดี
อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซฯของไทยในอนาคตก็จะขึ้นกับราคาต่างประเทศมากขึ้น เพราะปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยมีแนวโน้มที่จะลดลง ทำให้ต้องหันมาพึ่งพา LNG มากขึ้น ขณะที่ก๊าซฯยังคงเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ
อนึ่ง ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ปตท.มีผลขาดทุนจากธุรกิจ NGV ราว 2,806 ล้านบาท ลดลงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 135 ล้านบาท เพราะรัฐบาลอนุมัติให้ปรับเพิ่มราคาขายปลีก NGV สะท้อนต้นทุนเพิ่มขึ้นและปรับค่าปรับปรุงคุณภาพก๊าซฯ ประกอบกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทำให้ผู้ใช้รถ NGV ลดลง ขณะที่ยอดขาย NGV ช่วงครึ่งแรกของปี 61 ลดลงมาอยู่ที่ 6,303 ตัน/วัน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังคงให้ ปตท.อุดหนุนราคา NGV สำหรับรถยนต์สาธารณะเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค ที่ระดับราคา 10.62 บาท/กก. ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.61 -1 ก.ค.62 ทำให้ ปตท.รับภาระขาดทุนในธุรกิจ NGV ต่อไปแต่จะลดลงจากเดิมที่ขาดทุนราว 5 พันล้านบาท/ปี