นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป (MODERN) เปิดเผยว่า รายได้ในปี 61 จะเติบโตไม่ถึง 10% ซึ่งพลาดเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตในปีนี้ไว้ที่ 10-15% ซึ่งเป็นผลมาจากภาพรวมของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 2-3 ปีติดต่อกัน และส่งผลกระทบต่อยอดขายเฟอร์นิเจอร์ของบริษัท ซึ่งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมยังมีการลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมซบเซาไป โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับล่าง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันที่มีนัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้ง รวมถึงบริษัทด้วย
ขณะที่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ภายในอาคารสำนักงานยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ เพราะมีการพัฒนาอาคารสำนักงานใหม่ๆในกรุงเทพฯเป็นจำนวนมาก และมีธุรกิจ Co-working space ที่เข้ามาสนับสนุนการขยายพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับอาคารสำนักงาน ซึ่งส่งผลดีต่อความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มอาคารสำนักงาน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เพื่อการตกแต่ง ซึ่งยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ เพราะปัจจุบันมีการรีโนเวทอาคารและบ้านเรือนต่างๆอยู่ตลอด ทำให้ความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งยังขยายตัวได้ดี โดยที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์มาจาก เฟอร์นิเจอร์กลุ่มบ้านและคอนโดมิเนียม 40% เฟอร์นิเจอร์กลุ่มอาคารสำนักงาน 40% และเฟอร์นิเจอร์เพื่อการตกแต่ง 20%
อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเติบโตของรายได้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่บริษัทยังมั่นใจว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 61 จะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3.21 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 215.62 ล้านบาท โดยที่บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่จะมีการสั่งซซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามามากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงการทยอยส่งมอบโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลให้โดยปกติภาพรวมของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งบริษัทมีการทยอยรับรู้มูลค่างานในมือ (Backlog) 30-40% จาก Backlog ที่มีทั้งหมดในครึ่งปีแรก 2.7 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ในปี 62 เติบโต 10-15% ซึ่งเป็นเป้าหมายปกติที่บริษัทจะตั้งไว้ในทุกๆปี โดยที่ประเมินแนวโน้มของภาพรวมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในปี 62 หลังจากที่ปีนี้ภาพรวมของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว อีกทั้งในปี 62 บริษัทจะมีช่องทางการจำหน่ายและมีประเภทสินค้าในกลุ่มตลาดบนเพิ่มเข้ามา เพื่อขยายตลาดไปสู่เฟอร์นิเจอร์ตลาดบนที่ให้มาร์จิ้นสูง จากการเข้าลงทุนในบริษัท อาร์คิเทคทูรา จำกัด สัดส่วน 19% ใช้เงินลงทุน 83.6 ล้านบาท คาดว่าดีลจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/61
อีกทั้งการลงทุนอื่นๆของบริษัทยังมีการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุน 2-3 ดีล ซึ่งเป็นดีลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 62 พร้อมการผลักดันบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจเฮลท์แคร์ คือ บมจ.โมเดอร์นฟอร์มเฮล์ทแอนด์แคร์ (MHC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 โดยให้บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งได้ในช่วงปลายปี 61และจะเปลี่ยนชื่อ MHC เป็น M Care
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงพยาบาลมะเร็ง ชีวมิตรา จ.อุบลราชธานี โรงพยบาลเฉพาะทางด้านมะเร็ง ซึ่งถือหุ้นโดย MHC 40% และมีกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านมะเร็งถือหุ้น 30% ที่เหลืออีก 30% ถือหุ้นโดยพันธมิตรของกลุ่ม MODERN และกลุ่มแพทย์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้ว 50% คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2/62 โดยมีจำนวนเตียงรองรับคนไข้ 30-40 เตียง มูลค่าลงทุนราว 500 ล้านบาท และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุน 4-5 ปี โดยในช่วง 1-2 ปีแรกจะยังคงมีผลขาดทุน แล้วจะเริ่มมีกำไรตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป