นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เทคโนเมดิคัล (TM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมทั้งปี 2561 จะอยู่ที่ระดับ 660 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ระดับ 628.48 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้สินค้ากลุ่มอุปกรณ์ และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ที่มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศเพื่อเข้าซื้อเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มสินค้าใหม่ คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล ประกอบกับโรงพยาบาลรัฐบาลจะมีงบประมาณออกมาในช่วงเดือนตุลาคม ส่งผลให้บริษัทจะได้รับออร์เดอร์จากโรงพยาบาลรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทได้รับการติดต่อจากบริษัทผู้ผลิตหลายรายให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทจะพิจารณาและคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อขยายกลุ่มสินค้าให้ครบวงจรมากขึ้น ขณะที่ความคืบหน้าการสร้างอาคารสำนักงานใหม่และโชว์รูมแสดงสินค้า ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2561
นางสุนทรี กล่าวว่า ขณะเดียวกันบริษัทจะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเครื่องมือแพทย์ให้กับพันธมิตรในต่างประเทศ จากเดิมสินค้าดังกล่าวมียอดขายต่อปี 40 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในไตรมาส 4/61 และน่าจะรับรู้รายได้บางส่วนเข้ามาในปีนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามรายได้ดังกล่าวยังไม่ได้นำมาคำนวณรวมกับเป้าหมายรายได้ในปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่หระว่างเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศจำนวน 2 ราย ได้แก่ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ประเทศไต้หวัน ที่มีความสนใจที่จะเข้ามาตั้งโรงงานสินค้าใช้แล้วทิ้งร่วมกันในประเทศไทย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ และพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการติดต่อให้บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 62 แต่อย่างไรก็ตามการเจรจากับทางญี่ปุ่น อาจมีการต่อยอดไปสู่การร่วมลงทุนเพื่อขยายตลาดทางด้านเฮลท์แคร์ในประเทศไทยต่อไปด้วย
"TM ถือว่าเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี จึงเป็นที่น่าสนใจของพันธมิตรที่จะเข้ามาลงทุนร่วมกับบริษัท"
นางสุนทรี กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาจัดตั้งสถานดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียงร่วมกันกับพันธมิตรภายในประเทศ โดยบริษัทมีแผนที่จะจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว และจะถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า 50% ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรอการพัฒนาไว้แล้ว ประมาณ 600 ตารางวา คาดว่าจะมีจำนวนเตียงทั้งสิ้นราว 50-100 เตียง และจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท คาดเห็นความชัดเจนได้ในปี 62