แหล่งข่าว บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัท ผ่านการลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน (Shale gas) ในมลรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ที่มีอยู่รวม 6 แหล่งนั้น จะสามารถสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปีนี้ราว 80 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ทำได้แล้วราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังจ่ายคืนเงินสดในรูปของเงินปันผลกลับเข้ามาอีกส่วนหนึ่งด้วย ทำให้มองเห็นศักยภาพของการเติบโตที่จะมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ การลงทุนในแหล่ง Shale gas ดังกล่าว บริษัทใช้เงินลงทุนไปทั้งหมด 522 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้กันงบประมาณอีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อรองรับโอกาสการลงทุนใหม่ ซึ่งจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป นอกเหนือจากปัจจุบันที่บริษัทจะเร่งเพิ่มสัดส่วนกำไรด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการขายจากกำลังการผลิตก๊าซฯที่มีอยู่ราว 200 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ด้วยการรวมปริมาณก๊าซฯเพื่อเสนอขายทำให้สามารถได้ราคาและกำไรที่ดี
"ทั้งปีเราขายประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน EBITDA ครึ่งปีทำได้ราว 40 ล้านเหรียญ ทั้งปีก็เอา 2 คูณได้โดยประมาณ อาจจะประมาณ 80 ล้านเหรียญ ตอนนี้วิธีการเพิ่มสัดส่วนของกำไร เราอาจจะมีการ improve จากของเดิมที่มีอยู่ โดยไม่ต้องไปหาซื้อของใหม่ก็ได้ เราปรับปรุงราคาขายทำให้ราคาขายดีขึ้น นี่คือวิธีการที่ทำให้เงินลงทุนของเรามันได้ return ที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนใหม่ ด้วยเงินลงทุนก้อนเดิม ทำให้ดีขึ้น...โอกาสลงทุนใหม่ ก็ยังมี ถ้าดีจริง ๆ เราก็จะยังลงทุนในบริเวณใกล้เคียงกับที่มีในสหรัฐฯ"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า โอกาสการเข้าซื้อกิจการแหล่ง Shale gas เพิ่มเติมนั้นยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่การที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในพื้นที่มาแล้ว ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็จะมีผู้มาเสนอโครงการมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้านนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ BANPU กล่าวว่า ธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ แม้สภาพตลาดยังไม่ได้สูงขึ้นมากอย่างที่คาดคิด แต่ราคาก๊าซฯก็ปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาส 2/61 ที่อยู่ระดับ 2.7 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.9 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ขณะที่มีการประเมินราคาก๊าซฯในอนาคตจะขยับมาที่ 3.04 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทยู ทำให้เห็นว่าธุรกิจก๊าซฯจะยังเป็นธุรกิจที่จะสร้าง EBITDA และกำไรให้บริษัทอย่างมีสาระสำคัญ
สำหรับเป้าหมายในปี 63 ธุรกิจหลักของบริษัทยังมาจากถ่านหิน โดยวางเป้าหมายมีสัดส่วน EBITDA ที่ 66% ,ไฟฟ้า มากกว่า 20% , ก๊าซฯ 8% และส่วนธุรกิจธุรกิจพลังงานทางเลือก (Energy Technology Solution: ETS) ที่ลงทุนผ่านทางบริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด นั้นยังมีสัดส่วนไม่มากนัก แต่สัดส่วน EBITDA ในปี 68 จะเปลี่ยนแปลงไปโดยธุรกิจถ่านหิน จะมีสัดส่วนน้อยกว่า 50% ,ไฟฟ้า มากกว่า 30% ก๊าซฯ 10% และพลังงานทางเลือก 5%