นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตได้ 7-8% แม้ว่าครึ่งปีแรกจะทำรายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายแล้ว แต่เนื่องจากครึ่งปีหลังคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มกลางทะเล ที่จ. ภูเก็ต ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลง หรือลดลงราว 0.9% ขณะเดียวกันในไตรมาส 3/61 ยังเป็นช่วงของโลว์ซีซั่นของธุรกิจ โดยสัดส่วนการเติบโตในครึ่งปีแรกน่าจะดีกว่าครึ่งปีหลังนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วน 55:45
ทั้งนี้บริษัทได้มีการปรับลดเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (Rev par) ในปีนี้เหลือโตเพียง 2-3% จากเดิมคาดโต 3-4% ขณะที่ครึ่งปีแรกรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืนเป็นบวกอยู่ที่ 2.1% โดยคาดอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 82-83% ซึ่งครึ่งปีแรกมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 83.6% อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูในช่วงต้นไตรมาส 4/61 ว่านักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวดีขึ้นได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากฟื้นตัวดีขันก็น่าจะส่งผลทำให้อัตราการเข้าพักปรับตัวดีขึ้นได้
สำหรับธุรกิจอาหาร คาดว่าปีนี้ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSS) น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน หรือเติบโตประมาณ 1% จากปีก่อนติดลบอยู่ที่ 0.9% โดยครึ่งปีแรกยอดขายต่อสาขาเดิม ติดลบ 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 3.9% และยอดขายสาขาโดยรวม (TSS) ครึ่งปีแรกเติบโต 9% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคเกษตรกรที่ปรับตัวลงไปอย่างมาก จากปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรอยู่ในระดับต่ำ
ขณะเดียวกันก็มีบางร้านอาหาร เช่น KFC ที่สามารถทำยอดขายได้ดี จากการออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาร้านอาหารโดยรวมเพิ่มเป็น 950 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 908 สาขา
นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) กับพันธมิตรธุรกิจร้านอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวน 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อยจำนวน 1 ราย ซึ่งบริษัทฯได้ปรับเพิ่มงบลงทุนในปีนี้เพิ่มเป็นราว 3 พันล้านบาท จากเดิมที่วางงบลงทุนไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท เพื่อรองรับการเข้าซื้อกิจการธุรกิจร้านอาหาร
นายรนชิต กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 3 ปี (61-63) ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ปี 62 จำนวน 8.4-8.5 พันล้านบาท และปี 63 จำนวน 7.5 พันล้านบาท โดยจะเป็นงบลงทุนในธุรกิจโรงแรม 1.25 หมื่นล้านบาท และที่เหลือจะเป็นธุรกิจอาหาร ซึ่งในธุรกิจโรงแรมจะเป็นการลงทุนปรับปรุงโรงแรม โดยปีหน้าจะปิดปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ และการลงทุนก่อสร้างโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการโรงแรมในมัลดีฟส์ มูลค่า 150-160 ล้านเหรียญฯ ,โรงแรม COSI พัทยา จำนวน 580-590 ล้านบาท, โรงแรม COSI เชียงใหม่ จำนวน 230-240 ล้านบาท เป็นต้น
อีกทั้งล่าสุดบริษัทฯ ยังเข้าลงทุนโรงแรมร่วมกับพันธมิตรในประเทศดูไบ โดยจะพัฒนาโรงแรมร่วมกัน มูลค่าเริ่มต้น 2.9 พันล้านบาท บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 40% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 63
ปัจจุบัน บริษัทมีแบรนด์ธุรกิจอาหารจำนวนทั้งสิ้น 11 แบรนด์ และมีโรงแรมที่เข้าไปบริหารจำนวน 21 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมของบริษัทฯ จำนวน 17 แห่ง โดยจะอยู่ในประเทศไทย 15 แห่ง และมัลดีฟส์ 2 แห่ง