นายพิจิน อภิวันทนาพร ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 61 จะทรงตัวหรืออาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 60 โดยยังต้องติดตามแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบ และราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ประกอบกับช่วงปี 60 บริษัทมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน ขณะที่ปีนี้ไม่มีกำไรดังกล่าว
สำหรับช่วงไตรมาส 3/61 จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซและโรงโอเลฟินส์ ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และโครงการ UHV ของ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) จะปิดซ่อมบำรุงระยะเวลา 15 วัน
ขณะที่บริษัทยังคงกรอบวงเงินลงทุน ตามแผน 5 ปี ไว้จำนวน 240,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเพื่อหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้มีการเติบโตที่นอกเหนือจากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่
นายพิจิน ยังเปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนเพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ธ.ค.อนุมัติการนำธุรกิจถ่านหินที่ประเทศอินโดนีเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของอินโดนีเซีย
ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในธุรกิจเหมืองถ่านหินดังกล่าวเกือบทั้ง 100% มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 8 ล้านตันต่อปี โดยบริษัทมองว่าธุรกิจถ่านหินมีแนวโน้มเติบโตตามทิศทางราคาถ่านหินในตลาดโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วงที่ผ่านมาธุรกิจถ่านหินมีผลประกอบการที่ดีขึ้นหลังจากที่เคยมีผลขาดทุนในช่วงก่อนหน้านี้จึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะนำเหมืองดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่า
ส่วนการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการศึกษาด้านความพร้อมในการเข้าลงทุน และศึกษาหาพันธมิตรในการเข้าร่วมประมูล