นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 3.1 แสนบาร์เรล/วัน จากคาดว่าไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่ 3.08 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากบริษัทจะมียอดขายสุทธิเพิ่มเข้ามาหลังจากเข้าถือหุ้นเพิ่มในแหล่งบงกชและจากการขายแหล่งมอนทาราออกไป
ส่วนราคาก๊าซปีนี้คาดว่าจะอยู่ราว 6.5 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู โดยมีต้นทุนต่อหน่วยที่ 30-31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่ากำไรก่อนหักภาษี, ดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA margin) จะอยู่ที่ 70-75%
"เหตุผลที่เราขายแหล่งมอนทาราออกไปเนื่องจากมีการดำเนินการที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อีกทั้งออสเตรเลียยังไม่ใช่ focus area ของเรา จึงขายและมองหาที่อื่นดีกว่า" นายยงยศ กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมเข้าประมูลปิโตรเลียมแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณที่ใกล้จะหมดอายุสัมปทาน โดยบริษัทมีการเจรจากับกลุ่มเชฟรอนเพื่อเข้าประมูลแหล่งเอราวัณร่วมกัน ซึ่งหากเจรจาไม่สำเร็จก็จะพิจารณาหาผู้ร่วมทุนรายอื่นที่เหมาะสมต่อไป เนื่องจากขณะนี้ยังมีเวลาเพียงพอที่จะพิจารณาก่อนที่จะมีการยื่นเสนอราคาประมูลในวันที่ 25 ก.ย.61
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจลงทุนเข้าซื้อกิจการเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขณะนี้บริษัทมีกระแสเงินสดราว 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทมองหาการลงทุนที่มีขนาดราว 500-1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี บริษัทอยู่ระหว่างการรอเพื่อพิจารณาทบทวนงบลงทุนและแผนการดำเนินงานในปี 62 คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งหลังของปี 61
นายยงยศ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม อาทิ ธุรกิจรื้อถอนโครงสร้างในแหล่งสำรวจปิโตรเลียม เนื่องจากในภูมิภาคเอเชียยังไม่มีธุรกิจดังกล่าว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่จะต้องมีการรื้อถอนโครงสร้างบางส่วนตามเงื่อนไขของสัมปทานในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์และวิศวกรที่เชี่ยวชาญพร้อมอยู่แล้ว
รวมไปถึงธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียม อาทิ ธุรกิจแบตเตอรี่สำหรับพลังงานทางเลือก และธุรกิจนำก๊าซเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ซึ่งเบื้องต้นสนใจเข้าไปลงทุนในเมียนมา