บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) และ Chempolis Limited ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ Cellulosic Technology มาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อยอดจากชานอ้อยเพื่อต่อยอดโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (Nakhon Sawan Biocomplex :NBC) ในระยะที่ 2
นายเสกสรร อาตมางกูร กรรมการผู้จัดการ GGC กล่าวว่า ตามที่ GGC และ KTIS ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันเมื่อต้นปี 61 เพื่อศึกษาและวางแผนก่อสร้างโครงการ NBC ซึ่งแบ่งโครงการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่หนึ่งเป็นโครงการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพครบวงจร ประกอบด้วยโรงงานผลิตเอทานอล ไฟฟ้าชีวมวล ระบบสาธารณูปโภค และระบบส่งเสริมกระบวนการผลิตกลางของโครงสร้างพื้นฐานรองรับโครงการระยะที่สอง มูลค่าโครงการจากการประเมินราว 7,650 ล้านบาท ต่อด้วยโครงการระยะที่สองประกอบด้วย โรงงานเคมีและพลาสติกชีวภาพ โรงงานอาหารเสริม มูลค่าการลงทุนจากการประเมินราว 10,000-30,000 ล้านบาท
และในระยะที่สองนี้ GGC และ KTIS มีแนวทางในการนำชานอ้อย ซึ่งเป็น Biomass มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการนำมาเป็นวัตถุดิบ ในการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม กอปรกับพบว่า Chempolis เป็นผู้พัฒนา Cellulosic Technology ของตนเอง และสามารถนำชานอ้อยมาเปลี่ยนเป็นน้ำตาลและสารมูลค่าสูง อาทิ Furfural Acetic Acid และ Lignin จึงสนใจในการศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อพัฒนาไปสู่โครงการในอนาคต และเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือในวันนี้
ความคาดหวังของบริษัทฯ ต่อผลลัพธ์ในระยะยาว (5-10 ปี) จากการลงทุนก่อสร้างนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ในพื้นที่นำร่องจังหวัดนครสวรรค์ คือ มูลค่าทางเศรษฐกิจชีวภาพและมูลค่าเพิ่มจากอ้อยจะเพิ่มขึ้น เกิดการพัฒนาและส่งเสริมความรู้สมัยใหม่ด้านเกษตรกรรมในพื้นที่ในระยะเริ่มต้น รายได้เกษตรกรต่อคนต่อปีเพิ่มขึ้นจากอัตราการจ้างงาน เกิดการจ้างงาน Knowledge workers / High-tech labor ในกลุ่มพลังงานชีวภาพ เคมีและพลาสติกชีวภาพหลายหลายตำแหน่ง ช่วยสนับสนุนการผลิตพลังงานชีวภาพที่สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน (ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ.2558-2579) การพัฒนาต่อยอดด้านการวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งสร้างศูนย์นวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตทางการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงผ่านความร่วมมือจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง และท้ายที่สุด คือ ช่วยส่งเสริมการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเคมีและพลาสติกชีวภาพด้วย
การลงทุนก่อสร้าง NBC ของ GGC เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-CURVE) ตามนโยบายของรัฐบาล โดยใช้เศรษฐกิจชีวภาพหรือBioeconomy เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในอนาคตที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (New S-Curve) โดยได้เริ่มต้นผลักดันการลงทุนสร้างเศรษฐกิจชีวภาพ ตั้งแต่เดือน ม.ค.60 ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะเป็นการดำเนินงานต่อเนื่อง เพื่อขยายผล Bioeconomy ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางนั้น
อนึ่ง GGC ในฐานะ Green Flagship ของกลุ่ม บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมของไทย มีความพร้อมเต็มที่ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้พืชเศรษฐกิจของประเทศ คือ ปาล์มและอ้อย ผ่านการลงทุนกว่า 14,000 ล้านบาท เพื่อนำร่องพัฒนาพื้นที่ EEC (โรงงานผลิตเมทิสเอสเทอร์แห่งที่ 2 ซึ่งจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ปลายเดือน ส.ค.61 นี้) และภาคเหนือตอนล่าง (โครงการ NBC) อย่างเร่งด่วน