โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้ ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก จากการโอนต่อเนื่องของโครงการคอนโดมิเนียมหรู Saladaeng One และโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ คือ BEATNIQ สุขุมวิท 32 จะเริ่มโอนในช่วงปลายไตรมาส 3/61
ส่วนยอดขายในครึ่งปีหลังมีโอกาสทำได้มากกว่าครึ่งปีแรก จากการเปิดโครงใหม่จำนวนมากถึง 15 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ความน่าสนใจของ SC ยังอยู่ที่ราคาหุ้นที่ยัง Laggard และไม่ได้สะท้อนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ออกมาดี ขณะที่ SC ยังเป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีในระดับ 5% ต่อปีด้วย
หุ้น SC ปิดพักเที่ยงวันนี้อยู่ที่ 3.58 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ SET +0.32%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ ซื้อ 5.00 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 4.90 ฟันันเซีย ไซรัส ซื้อ 4.80 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 4.50 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 4.43
นางสาวจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ความน่าสนใจของ SC มาจากการที่ราคาหุ้นยังคง Laggard อยู่ ซึ่งสวนทางกับทิศทางของผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาที่กำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 100% และแนวโน้มในครึ่งปีหลังยังคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยที่คาดว่าไตรมาส 3/61 จะเห็นกำไรที่เติบโตได้เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการโอนโครงการ Saladaeng One เข้ามาต่อเนื่อง และมีการเริ่มโอนโครงการ BEATNIQ เข้ามาเสริมอีก
ขณะที่ด้านยอดขายในไตรมาส 3/61 ยังคาดว่าจะเติบโตขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะมีแผนการเปิดโครงการมากถึง 11 โครงการ มูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบในระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่ดี และโครงการแนวราบเป็นโครงการที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย โดยที่ในปีนี้ยังคงประมาณการกำไรของ SC อยู่ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.26 พันล้านบาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่ผลการดำเนินงานของ SC ในครึ่งปีแรกออกมาดี และ SC ได้แถลงแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังออกมาแล้วนั้น ทำให้มองว่าแนวโน้มของภาพรวมไนครึ่งปีหลังจะโดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก ทั้งยอดขาย รายได้ และกำไร ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดโครงการที่มากถึง 15 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบในกลุ่มระดับกลาง-บน ซึ่งมีความต้องการซื้อในตลาด และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
ประกอบกับโครงการคอนโดมิเนียมหรู คือ Saladaeng One ยังมีการโอนโครงการต่อเนื่องในไตรมาส 3/61 และจะเริ่มโอนโครงการ BEATNIQ ในช่วงเดือนก.ย.นี้ ทำให้รายได้จะเติบโตโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะไตรมาส 3/61 ซึ่งยังคาดว่ากำไรของ SC ในปีนี้จะอยู่ที่ราว 1.7 พันล้านบาท อีกทั้งยังมองว่า SC เป็นหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลที่ดีราว 5% ต่อปี และราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนผลการดำเนินงาน ทำให้เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มอส่งหาริททรัพย์ที่มีความน่าสนใจอยู่
นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า SC เป็นหุ้นที่ยังมีความน่าสนใจที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดี 5% ต่อปี และราคาหุ้นยังไม่ได้ขยับขึ้นมากนัก และยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ออกมาดี ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลังคาดว่าจะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยในแง่ของรายได้จะได้รับปัจจัยหนุนจากการโอนโครงการ Saladaeng One เข้ามาต่อเนื่อง และในปลายไตรมาส 3/61 จะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่เข้ามา คือ โครงการ BEATNIQ สุขุมวิท 32 ซึ่งจะเข้ามาผลักดันให้รายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 1.7 หมื่นล้านบาท
ส่วนแนวโน้มของยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะทำได้มากขึ้น เพราะการเปิดโครงการจำนวนมาก 15 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทุกระดับราคา ซึ่งจะหนุนให้ยอดขายทั้งปีนี้ทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 1.7 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ SC ยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่สามารถรองรับรายได้จนถึงปี 62 และ 63 โดยมี Backlog อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรองรับการเติบโตในอนาคตได้