นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก เนื่องจากสามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพในทุกหน่วยธุรกิจ ทั้งธุรกิจโอเลฟินส์, ธุรกิจอะโรเมติกส์ และธุรกิจโรงกลั่น
ทั้งนี้ ธุรกิจโอเลฟินส์ในครึ่งปีหลังนี้จะมีการใช้กำลังการผลิตได้เต็ม 100% แม้ว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงโอเลฟินส์จำนวน 1 โรง จากทั้งหมด 4 โรง ในช่วงไตรมาส 3/61 โดยบริษัทจะเร่งหน่วยการผลิตอื่นเพื่อชดเชยกับหน่วยการผลิตที่ได้หยุดซ่อมบำรุง
ขณะเดียวกันมาร์จิ้นของธุรกิจโอเลฟินส์ยังสามารถยืนอยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มาอยู่ในระดับ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลดีต่อราคาโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) ปรับตัวสูงขึ้น หรือสามารถยืนอยู่ในระดับมากกว่า 1,300 เหรียญสหรัฐ/ตัน แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่จากสหรัฐฯ เข้าสู่ระบบตั้งแต่ในช่วงปลายปี 60 ส่วนราคาผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น (LLDPE) เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ราคาได้ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์ การใช้กำลังการผลิตน่าจะอยู่ที่ 89% แม้ว่าปีนี้จะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น แต่อัตรากำไร (มาร์จิ้น)จะปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์เบนซีน ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้ 101% แม้ว่ามาร์จิ้นในภาพรวมตลาดของธุรกิจโรงกลั่นจะอยู่ในระดับที่ลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการมีกำลังการผลิตใหม่จากตลาดโลกที่ทยอยเข้าสู่ระบบในช่วงปี 61-62 แต่บริษัทเชื่อว่าจะรักษามาร์จิ้นได้ในระดับที่ทรงตัว
นายทิติพงษ์ กล่าวว่า ส่วนแผนการลงทุนในปี 61 บริษัทวางงบลงทุนไว้จำนวน 700-800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะใช้ในการลงทุนเพื่อซื้อหุ้นในบริษัท Siam Mitsui PTA Company Limited (SMPC) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์กรดบริสุทธิ์เทเรพาธิค (PTA) ในสัดส่วน 74% และ Thai PET Resin Company Limited (TPRC) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ในสัดส่วน 74% จากบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (SCG Chemicals) ด้วยเงินลงทุนประมาณ 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,148 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 74% และทาง Mitsui ถือหุ้นอยู่ที่ 26% คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในไตรมาส 4/61 หรือต้นปี 62
อีกทั้งจะใช้เงินลงทุนในโรงงานโอเลฟินส์แห่งใหม่ (Olefins Reconfiguration Project) โดยใช้แนฟทาและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นวัตถุดิบหลัก รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาร่วมลงทุน (JV) กับพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่น ในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ซึ่งมีแผนที่จะดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง High-Heat Resistant Polyamide-9T (PA9T) และ Hydrogenated Styrenic Block Co-Polymer (HSBC)
ด้านโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณาราคาผู้รับเหมาในการก่อสร้างโครงการฯ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในต้นปี 62 โดยเบื้องต้นมองว่าหากราคาผู้รับเหมาสูงเกินไปบริษัทก็อาจจะไม่ลงทุน