นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาลี กรุ๊ป (MALEE) เปิดเผยว่า บริษัทยังต้องลุ้นผลประกอบการปีนี้ออกมามีกำไร หลังจากช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีผลขาดทุนราว 5 ล้านบาท โดยเป็นผลหลักมาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาทางการเงินและที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย 22 ล้านบาท และยอดขายที่ปรับตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุน และผลักดันให้ยอดขายมีการเติบโต
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ลงเหลือใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 5,987.94 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีการเติบโต 30% หลังจากช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 2,719.55 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 7% แต่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมั่นใจว่ารายได้จะมีการเติบโตจากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของบริษัท Long Quan Safe Food JSC (LQSF) ในประเทศเวียดนาม ที่ MALEE เข้าไปถือหุ้นราว 65%
พร้อมกันนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าใหม่ 3-4 ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของการบริโภคทั้งโลก โดยเชื่อว่าจะเข้ามากระตุ้นยอดขายของบริษัทให้มีการเติบโตขึ้น
"นอกเหนือจากรายได้ของธุรกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัวลงเร็วและมากกว่าที่คาดไว้ สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทจะเปิดตัวได้มีการล่าช้ามาในครึ่งปีหลัง และบริษัทมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนต่างๆ ซึ่งการลงทุนบางส่วนไม่สามารถสร้างรายได้ทันที บางส่วนยังใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯจะพยายามบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเชื่อว่าในระยะยาวบริษัทฯจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน"นางสาวรุ่งฉัตร กล่าว
นางสาวรุ่งฉัตร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเชื่อว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในปี 62 เนื่องจากบริษัทได้ลงทุนในโครงการที่รองรับการเติบโตในอนาคตไปครบแล้ว ประกอบกับเชื่อว่าสินค้าในกลุ่มใหม่จะเห็นผลช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างชัดเจนขึ้น ประกอบกับการใช้ประสิทธิภาพของเครื่องจักรใหม่จะเข้าสู่จุดที่เหมาะสมมากขึ้นด้วย