นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก หลังจากที่ในช่วงไตรมาส 2/61 มาร์จิ้นของทั้งธุรกิจโรงกลั่นและผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์อ่อนตัวลงจากไตรมาสแรก ขณะที่ปัจจุบันมาร์จิ้นของทั้งโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ กลับมาดีขึ้น
โดยส่วนค่าการกลั่น (GRM) ดีขึ้นค่อนข้างมาก จากสต็อกผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลของโลกอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้นมาก ด้านผลิตภัณฑ์พาราไซลีน (PX) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์นั้น มีส่วนต่าง (สเปรด) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีที่แล้วที่อยู่ระดับ 300 เหรียญสหรัฐ/ตัน เป็นผลจากความต้องการใช้พาราไซลีนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณการผลิตใหม่ของตลาดโลกไม่ได้เข้ามาตามแผนทำให้ราคาพาราไซลีนปรับขึ้นมา ส่วนทิศทางราคาน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังมองอยู่ที่ระดับ 70-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
"operating profit ครึ่งหลังของปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก เพราะครึ่งปีแรก ไตรมาส 1 เราดี แต่ไตรมาส 2 ไม่ดี ส่วนไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ก็เชื่อว่าจะกลับมา"นายอธิคม กล่าว
ทั้งนี้ TOP มีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ 1.04 หมื่นล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1 ที่ 5.61 พันล้านบาท และไตรมาส 2 ที่ 4.8 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 2 มีค่าการกลั่น (GRM) ที่ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน อยู่ที่ 4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 5.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาสแรก ขณะที่สเปรดของผลิตภัณฑ์พาราไซลีน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของอะโรเมติกส์นั้น อยู่ที่ 268 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากระดับ 304 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาสแรก