น.ส.ปาหนัน โตสุวรรณการ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) คาดว่ารายได้รวมในปี 61 จะเติบโต 2-3% โดยในส่วนธุรกิจรถไฟฟ้าคาดว่ารายได้จะเติบโต 2 ปัจจัยหลักมาจากจำนวนผู้โดยสารเติบโต 6-7% จากปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.5 แสนคน/วันในเส้นทางหัวลำโพง-เตาปูน และค่าโดยสารเฉลี่ยสูงขึ้นจากการเดินทางระยะทางยาวขึ้น
ขณะที่ปี 62 จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแคในเดือน ก.ย.62 และในปี 63 จะเปิดบริการ ช่วงเตาปูน-ท่าพระ โดยคาดว่าเมื่อเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ครบทั้งเส้นรายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนธุรกิจทางด่วนคาดว่ารายได้จะเติบโต 1-2% โดยทางด่วนขั้นที่ 1 (FES) เติบโตน้อยมากเพราะเป็นทางด่วนในเมือง แต่ก็มีฐานผู้ใช้ค่อนข้างมากราว 1.2 ล้านคัน/วัน ซึ่งในเส้นทางดังกล่าว BEM รับรู้รายได้ตามสัดส่วน 40% ส่วนทางด่วนขั้นที่ 2 (SES) หรือทางด่วนศรีรัชซึ่งรองรับประชาชนรอบนอก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 12% ในปีนี้ ปัจจุบันมีปริมาณจราจรอยู่ที่ 5.5 แสนคัน/วัน และแนวโน้มจะมีการใช้เพิ่มขึ้น เพราะเขตเมืองขยายออกไปรอบนอกมากขึ้น โดยเส้นทางนี้ BEM รับรู้รายได้ 100% และบริษัทมีต้นทุนทางการเงินต่ำเฉลี่ย 3%
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของ BEM ยังมาจากธุรกิจทางด่วน 60% และธุรกิจรถไฟฟ้า 35% ส่วนธุรกิจพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีรถไฟฟ้ามีสัดส่วน 5%
น.ส.ปาหนัน คาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/61 จะดีกว่าไตรมาส 3/60 เป็นการเติบโตตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นที่ส่วนหนึ่งหนีปัญหาจราจรติดขัด และความสะดวกจากการเดินทางหลังจากมีการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ส่วนการใช้ทางด่วนก็ยังเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทจะมีรายได้และกำไรจากการขายหุ้น บมจ.ซีเค เพาเวอร์ (CKP) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเดียวกัน แบ่งขายให้พันธมิตร กว่า 1% ทำให้บริษัทมีกำไรพิเศษเข้ามาด้วย