โบรกเกอร์ ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เล็งผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4/61 ฟื้นตัวได้ดี ขานรับเข้าสู่ช่วง High Season โดยเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ประกอบกับเปิดให้บริการโรงแรม JW Marriot ที่เริ่มรับรู้รายได้หลังมีการปิดปรับปรุงห้องพัก
ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน จากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตได้ค่อนข้างดีประกอบกับแนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศยังเติบโตได้ดี
สำหรับเรื่องการแข่งขันฟุตบอลโลก และเหตุการณ์เรือล่มจ.ภูเก็ต เป็นเพียงปัจจัยที่เข้ามากระทบการท่องเที่ยวในระยะสั้น โดยทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยเป็น 38.63 ล้านราย รวมถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปีนี้ที่ระดับ 3 ล้านล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อนราว 8-9%
พร้อมคาดการณ์กำไรปี 61 ของ ERW อยู่ในช่วง 612-638 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.15 น.ราคาหุ้น ERW ลบ 1.32% มาอยู่ที่ 7.45 บาท ลดลง 0.10 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 10.50 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 10.10 เอเอสแอล ซื้อ 10.00 เคจีไอ (ประเทศไทย) Outperform 9.60 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 9.40 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 9.00 ทรีนิตี้ ซื้อ 8.90
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า รายได้ของ ERW ปีนี้เติบโตราว 10% ส่วนกำไรปกติเติบโต 18% หรือราว 623 ล้านบาท แม้มองว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/61 อาจยังออกมาไม่ค่อยดีนัก จากผลกระทบการปิดปรับปรุงโรงแรม JW Marriott และการชะลอตัวลงของนักท่องเที่ยวรัสเซียซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กระทบช่วงต้นของไตรมาส ส่วนนักท่องเที่ยวจีนก็ชะลอตัวเช่นกันจากเหตุการณ์เรือล่มที่จ.ภูเก็ต
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 4/61 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season โดยเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ทั้งปีอาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ 2-3% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีแผนการเปิดโรงแรมใหม่ในแบรนด์ Hop Inn โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับล่างและมีราคาต่ำ ซึ่งเมื่อนำมารวมกับงบรวมจะทำให้ภาพรวมรายได้เฉลี่ยต่อห้องปรับตัวลดลงแต่เชื่อว่ารายได้รวมจะมีการเติบโตได้ ส่วนอัตราการเข้าพักคาดว่าจะทรงตัวอยู่ราว 80%
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ ERW ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/61 และจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/61) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season อีกครั้ง และคาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตในอัตราเร่ง รวมถึงโรงแรม JW Marriott จะกลับมาให้บริการได้ตามปกติ โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2561 ที่ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% Y-Y ทำ New High ได้ต่อเนื่อง
ส่วนนายคามิน เจตน์จรุงวงศ์ ผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเอสแอล มองว่า ไตรมาส 3/61 ผลการดำเนินงานจะสามารถฟื้นตัวได้ดี และเติบโตโดดเด่นในไตรมาส 4/61 หลังผ่านช่วงต่ำสุดของธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาส 2/61 มาแล้ว ซึ่งปัจจัยการเติบโตมาจากการปิดปรับปรุงโรงแรม JW Marriot ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/61 และเปิดดำเนินการห้องใหม่และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/61 รับช่วง High Season ซึ่งจะทำให้อัตราการเข้าพักสามารถฟื้นตัวกลับมาได้
ขณะที่มองว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน จากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตได้ค่อนข้างดีจากประกาศตัวเลข GDP ที่ผ่านมาในช่วงครึ่งปีแรกออกมาค่อนข้างดี ประกอบกับแนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศยังเติบโตได้ดี ซึ่งเป้าหมายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปีนี้ที่ระดับ 3 ล้านล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อนราว 8-9%
ส่วนเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต และการแข่งขันฟุตบอลโลกในรัสเซีย มองว่าเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้นที่กระทบการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งหากมองจากตัวเลขนักท่องเที่ยวก็ยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงส่งผลบวกให้ความน่าสนใจในการเข้าลงทุน
สำหรับบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเอสแอล ระบุว่า ประมาณการกำไรสุทธิในปี 61 ของ ERW ที่ 638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%YoY มีความเป็นไปได้ โดยกำไรสุทธิ 6M61 เติบโต 19%YoY คิดเป็น 49.4% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 61
ด้าน บล.ทรีนิตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/61 ของ ERW จะสามารถกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY และในไตรมาส 4 จะกลับมาเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยวอีกครั้ง รวมทั้งการเปิดโรงแรม Mid Scale 2 แห่งใหม่ที่จะมาหนุนยอดเข้าพัก
พร้อมคงคาดการณ์กำไรปี 61 ของ ERW ที่ 612 ล้านบาท หรือเติบโต 20% YoY และรายได้จากโรงแรมที่ 6.05 พันล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปีมีการเปิดโรงแรมใหม่เพียง 3 แห่ง แต่เชื่อว่าบริษัทจะมีการเปิดโรงแรมในช่วงที่เหลือของปีอีก 6 แห่ง ซึ่งรวมถึงการเปิดโรงแรมแห่งที่ 4 ในฟิลิปปินส์
และโรงแรม JW Marriot จะมี Inventory ห้องพักใหม่รวม 70% และพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 4/61 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยจาก 37.218-37.92 ล้านราย เป็น 38.63 ล้านราย