CM ขายหุ้น 5%ให้"นิชิเรฯ",คาดปี 51รายได้สกุลตปท.โต 10%-ปรับปรุงการผลิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 21, 2007 12:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ผู้บริหาร บมจ. เชียงใหม่โฟรเซ่นฟู้ดส์ (CM) เปิดเผยว่า บริษัท นิชิเร ฟู้ดส์ จากญี่ปุ่นตกลงเข้าซื้อหุ้นจำนวน 5% จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งคาดหวังว่าความร่วมมือจากนิชิเรจะช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อขาย และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดในประเทศญี่ปุ่น
นายอังกูร พลพิพัฒนพงศ์ กรรมการ บมจ. เชียงใหม่โฟรเซ่นฟู้ดส์ (CM) และหนึ่งในผู้ขายหุ้น CM ให้กับนิชิเร ฟู้ดส์ เปิดเผยว่า กลุ่มพลพิพัฒนพงศ์ และ Mr. LAN, MU-CHIOU ได้ขายหุ้นให้ บริษัท นิชิเร ฟู้ดส์ จำนวนทั้งหมด 17.3 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของทุนจดทะเบียน โดยปัจจุบันบริษัท นิชิเร ฟู้ดส์ เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ CM
"นิชิเรฯเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเชียงใหม่โฟรเซ่นฟู้ดส์มี Connection ที่ดี มี Relationship ที่ดีมานาน และคงเห็นว่าหุ้น CM เป็น Investment ที่ดี น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีในของเงินปันผล ซึ่งก็จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายใกล้ชิดขึ้น"นายอังกูร กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายอังกูร กล่าววว่า ปัจจุบันบริษัท นิชิเร ฟู้ดส์ เป็นทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิตสินค้าแช่แข็ง(โฟรเซ่น)เหมือนกันแต่คนละประเภทกับที่บริษัทผลิต และสินค้าที่ทางนิชิเรซื้อจากบริษัทเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินค้าทั้งหมดที่นิชิเรจำหน่ายเท่านั้นเอง ซึ่งหากเป็นพาร์ทเนอร์กันแล้วในแง่ของปริมาณการซื้อขาย วอลุ่มน่าจะมากขึ้นในอนาคต
"ยังไม่มีแผนด้านการผลิตร่วมกัน เพียงแต่มองในแง่ของการซื้อขายน่าจะมีข่าวดีมากขึ้น และน่าจะช่วยกันทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นด้วย เพราะนิชิเรฯเองก็เชี่ยวชาญตลาดญี่ปุ่นอยู่แล้ว"นายอังกูล กล่าว
นายอังกูร กล่าวต่อว่า ทางนิชิเร ฟู้ดส์ ไม่มีแผนจะส่งตัวแทนมาร่วมเป็นกรรมการ อำนาจการบริหารงานต่างๆยังคงเป็นของกลุ่มผู้บริหารเดิมอยู่
และในอนาคตอันใกล้ยังไม่มีแผนจะหาพันธมิตรเพิ่มเติม
*คาดรายได้ปีนี้อาจต่ำกว่าปีก่อนหลังขายเงินลงทุนบริษัทร่วมทุนออกไปแล้ว
นายอังกูร คาดว่า รายได้รวมในปี 50 น่าจะอยู่ในระดับประมาณ 1.1 พันล้านบาท ซึ่งต่ำลงจากปี 49 หรืออาจจะใกล้เคียงกับก่อนที่มีรายได้รวมที่ 1.3 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ในปีก่อนรวมรายได้ของบริษัทย่อย แต่ในปีนี้บริษัทได้ตัดจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวไปแล้ว
"ตัวเลข 1.3 พันล้านบาทในปีก่อน เข้าใจว่า Consolidate บริษัทร่วมทุน แต่ CM ได้ทำการขายเงินลงทุนบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ออกไปแล้ว เพราะฉะนั้นรายได้ปีนี้อาจจะไม่ถึง 1.3 พันล้านบาท Company Only อาจจะได้ประมาณ 1.1 พันล้านบาทเท่าปีก่อนหรือดีกว่าเล็กน้อย"นายอังกูร กล่าว
นายอังกูร กล่าวว่า รายได้หลักของบริษัทมาจากการส่งออก 70-80% โดยมีตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นรายได้ส่วนใหญ่จะรับเป็นสกุลดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าในปี 51 รายได้สกุลต่างประเทศจะโตได้ในระดับ 10% แต่รายได้ในรูปบาทยังต้องรอดูแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทว่าจะแข็งค่าขึ้นอีกหรือไม่
ส่วนแผนการลงทุนในปี 51 เบื้องต้นบริษัทจะปรับปรุง ซ่อมแซม พัฒนาโรงงาน อุปกรณ์ให้ทันสมัย รองรับการผลิตระบบ Foods Safety มากขึ้น ยังไม่มีแผนใช้เงินลงทุนจำนวนมากที่เป็นนัยสำคัญ ส่วนเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ที่มีอยู่145.85 ล้านบาท ผู้บริหารจะพยายามใช้อย่างรอบคอบ
แผนการตลาดปีหน้ายังเน้น Foods Safety เนื่องจากที่ผ่านมาคู่แข่งของเราคือ ประเทศจีน ด้อยกว่าในด้านคุณภาพ กระบวนการควบคุมการผลิต ดังนั้นหากเราใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น น่าจะทำให้ผู้บริโภคเห็นความแตกต่างกันที่ชัดเจน
"ทุกวันนี้สินค้าเรายังต้องแข่งกับจีนอย่างมาก สมมติสินค้าผักแช่แข็งที่ญี่ปุ่นนำเข้าจำนวน 21 Item จากทั่วโลก อาจจะจากไทย 2-3 Item ส่วนที่เหลืออีก 19 Item มาจากจีน เพราะวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่นแตกมาจากจีน ซึ่งตรงนี้สินค้าที่เราส่งไปขายญี่ปุ่นก็เป็นสินค้าที่เราปลูกขึ้นมาใหม่ไม่มีในบ้านเรา ส่วนใหญ่ปลูกในภาคเหนือ ใช้ระบบ Contract กับเกษตรกรมาตลอด แม้จะมีปัญหาเรื่องพืชคู่แข่งอื่นๆในละแวกเดียวกัน โรงงานอื่นๆแย่งพื้นที่เพาะปลูกกัน แต่ก็อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้"นายอังกูร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ