นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าระดับ 47 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว หลังในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการผลิตและราคาขายถ่านหินที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่เตรียมแผนจะสร้างมูลค่าเพิ่มของธุรกิจถ่านหินก่อนที่จะผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียเป็นลำดับต่อไป
"ราคาถ่านหินดีขึ้นค่อนข้างดี ราคานิวคาสเซิลขึ้นมา 28% แต่ราไม่ไรคาขายเฉลี่ยของเราเพิ่มขึ้น 16% เพราะที่อินโดฯรัฐบาลเขาขอความร่วมมือคุมราคาถ่านหิน ทำให้ราคาขายถ่านหินขึ้นไม่เทียบเท่ากับราคานิวคาสเซิลที่ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ราว 102-105 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนการผลิตปีนี้น่าจะผลิตได้ 8-9 ล้านตัน เพิ่มจากปีที่แล้วเพราะปีก่อนมีปัญหาหยุดผลิตไป 1 เหมืองแต่ตอนนี้กลับมาผลิตแล้ว ครึ่งแรกปีนี้เราผลิตได้ 4.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12%"นายวิรัตน์ กล่าว
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการนำธุรกิจถ่านหินเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียนั้น เป็นไปตามนโยบายของปตท.ตั้งแต่แรกที่ได้เข้าไปลงทุน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของระยะเวลาในการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากยังต้องศึกษารายละเอียด และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการสร้างการเติบโตและทำให้หุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยแผนเบื้องต้นอาจจะทำเหมืองใต้ดินซึ่งเป็นเหมืองปิด จากปัจจุบันที่เป็นเหมืองเปิด เพื่อให้สามารถผลิตถ่านหินได้เพิ่มขึ้นและเป็นกาสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะต้องจัดทำแผนต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน
รวมถึงยังมีแผนการลดต้นทุนการผลิตถ่านหินอย่างต่อเนื่องด้วย ตลอดจนนำถ่านหินแต่ละคุณภาพมาผสมเพื่อให้ได้คุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มอีกแนวทางหนึ่งด้วย ส่วนการเข้าซื้อเหมืองถ่านหินแห่งใหม่ในอินโดนีเซียนั้น ยังไม่มีการพิจารณาหลังจากที่รัฐบาลอินโดนีเซีย และกลุ่มป ตท. ยังมีความขัดแย้งกรณีเหตุน้ำมันรั่วไหลลงทะเลติมอร์ ของโครงการมอนทารา ซึ่งมีบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เป็นผู้ดำเนินการ ทำให้กลุ่มปตท.จะยังไม่ใส่เงินลงทุนใหม่เข้าไปเพิ่มเติม นอกจากเงินลงทุนเดิมที่มีการลงทุนหมุนเวียนในกิจการอยู่แล้ว
ปัจจุบันกลุ่ม PTT ถือหุ้น 94.56% ในบริษัท Sakari Resources Limited (SAR) ซึ่งทำธุรกิจเหมืองถ่านหิน Sebuku และ Jembayan ในอินโดนีเซียที่มีการผลิตแล้ว และยังถือหุ้น 35% ในโครงการที่บูรไน ซึ่งได้รับสิทธิในการดำเนินการศึกษาแหล่งถ่านหิน และถือหุ้น 80% ในโครงการสำรวจแหล่งถ่านหินในมาดากัสการ์ด้วย สำหรับถ่านหินที่ผลิตได้ในอินโดนีเซีย เป็นถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูง โดยถ่านหินที่ได้จะขายในตลาดอินโดนีเซีย และตลาดต่างประเทศ อย่างญี่ปุ่น
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม และว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTT กล่าวว่า เรื่องการนำธุรกิจถ่านหินของปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียนั้น น่าจะยังอยู่ในกระบวนการ และคาดว่าน่าจะยังไม่มีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการปตท.ได้ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้
"คงกำลังอยู่ในกระบวนการ....เวลาจะเอาเข้าตลาดต้องดูว่าขายจะขายเท่าไหร่ และมี Synergy อย่างไร และเงินทุนที่มาจะไปพัฒนาตรงไหน ก็ต้องจ้างที่ปรึกษาดู"นายชาญศิลป์ กล่าว