นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ (PDJ) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายปี 61 จะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.9 พันล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้กำลังซื้อจากฐานค้าปลีกปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถฟื้นตัวได้ดีจากคำสั่งซื้อจากโรงงานที่เริ่มเข้ามามากขึ้น ประกอบกับบริษัทจะมีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายในธุรกิจค้าปลีกมากขึ้นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ โดยวางงบการตลาดไว้ที่ระดับ 6-8% ของยอดขาย
ขณะที่บริษัทคาดว่าปี 61 จะสามารถทำกำไรสุทธิได้ จากแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้มีประสิทธิผลมากขึ้นเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากช่างฝีมือ และการลดต้นทุนการขายและบริหาร (SG&A) และมีการปรับปรุงลดฐานกิจการที่ไม่สร้างรายได้และลดค่าใช้จ่ายของกิจการ
โดยบริษัทมีการเลิกกิจการบริษัทย่อย ในประเทศเยอรมนี หรือ Pranda & Kroll GmbH & Co. KG โดยดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อเดือนพ.ค.61 ที่ผ่านมา และยังมีแผนการลดขนาดธุรกิจ Pranda N.A. USA ซึ่งจะส่งผลให้ครึ่งปีหลังนี้ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ประกอบกับมีแผนการบริหารสินทรัพย์ของบริษัทและป้องกันความเสี่ยงเพื่อให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียน อาทิ การออกหุ้นกู้, วอร์แรนต์, ESOP และการขายที่ดิน
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 44% ธุรกิจค้าปลีก 33% และการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย 23%
นายชนัตถ์ กล่าวอีกว่า ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนมองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท จากปัจจุบันต้นทุนกว่า 60% อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ มองว่าเมื่อค่าเงินบาทอยู่ในระดับราว 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นผลดีต่อผู้ส่งออก ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนน่าจะส่งผลดีต่อบริษัท โดยอุตสาหกรรมเครื่องประดับจะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากผู้ซื้อจะเริ่มเข้ามาหาแหล่งผลิตในไทยมากขึ้น