SENA คาดแนวโน้ม H2/61 ดีกว่า H1/61 เปิด 10 โครงการใหม่หนุน,ปรับแผนธุรกิจโซลาร์รูฟหลังครึ่งปีแรกหลุดเป้าไปไกล

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 28, 2018 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้ 6.2 พันล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อนทำรายได้ 5,221.24 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 8,313 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ 1,796 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปีอีก 10 โครงการ มูลค่ารวมราว 9,787 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ก.ย.61 จะเปิดตัว 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,673 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ Kith บางกระดี เฟส 3, โครงการ The Kith Plus พหลโยธิน คูคต เฟส 2 และ Sena Grand Home บางพูน จากนั้นในไตรมาส 4/61 จะเปิดอีก 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวมราว 8.1 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ Niche Mono บรมราชชนนี, โครงการพัทยา เฟสใหม่, โครงการบ้านร่วมฝัน และโครงการร่วมทุนอีก 2 โครงการ เป็นต้น

ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังเตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 3.3 พันล้านบาท ปัจจุบันมีที่ดินและรูปแบบโครงการรองรับแล้ว แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 2.7 พันล้านบาท และโครงการขนาดเล็ก มูลค่า 600 ล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกเซ็นสัญญาร่วมทุนไปแล้ว 5 โครงการ

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนในการปรับลดต้นทุนในธุรกิจติดตั้งและวางระบบ Solar (EPC) จากช่วงครึ่งปีแรกสามารถทำกำไรได้เพียง 10 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 300-400 ล้านบาท เนื่องจากการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงจากผู้รับเหมาที่มีศักยภาพในการวางระบบ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มการบริการหลังการขายและดูแลแผงโซลาร์เซลล์เพื่อให้มีจุดเด่นต่างจากคู่แข่ง

นางสาวอธิกา กล่าวว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก โดยผลการวิจัยระบุว่าในปี 61 ผู้ประกอบการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ของลูกค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาต่อห้องจะปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนที่ดินที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่คาดว่าปีนี้จะเติบโตในระดับ 4.3-4.7% เนื่องจากการส่งออกและเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีทำให้รายได้ประชากรปรับตัวเพิ่มขึ้น บริษัทไม่มีความกังวลภาวะฟองสบู่แตกในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ แม้อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่มองว่ายังอยู่ระดับที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับปัจจุบันนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีการศึกษาการลงทุนมากขึ้นจากประสบการณ์ในอดีตที่สภาวะผู้ซื้อให้ค่าทรัพย์สินมากกว่ามูลค่าจริง

ขณะที่ยอดการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) ในโครงการระดับล่าง อาทิ Niche Mono, Kith, Niche ID อยู่ในระดับ 14% ซึ่งมาจากการกู้สถาบันการเงินไม่ผ่านอยู่ราว 7% จากทั้งหมด โดยจะมีระดับสูงกว่าโครงการระดับบนขึ้นมา เนื่องจากส่วนมากมีการซื้อเพื่ออยู่จริง โดยโครงการระดับบน อาทิ Niche Prime อัตราปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ระดับ 12% ซึ่งมาจากการกู้ไม่ผ่านเพียง 4-5% ซึ่งอัตราการปฏิเสธสินเชื่อส่วนมากมาจากนักลงทุนยังขายต่อออกไปไม่ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ