"เอสไอเอสบี"มั่นใจขาย IPO จำนวน 260 ล้านหุ้น-เข้า SET ทันปีนี้นำเงินส่วนใหญ่ลดหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 28, 2018 15:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) เปิดเผยว่า "เอสไอเอสบี"เป็นบริษัทเอกชนที่เป็นผู้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ที่มีอัตราการเติบโตมาโดยตลอด รวมทั้งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมั่นคง โดยบริษัทเตรียมเสนอขายสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 260 ล้านหุ้น นำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ทันภายในปีนี้ เพื่อระดมทุนส่วนใหญ่มาใช้ลดภาระหนี้ และส่วนที่เหลือจะใช้ขยายธุรกิจด้านการศึกษา

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 470 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้วอยู่ที่ 340 ล้านบาท ขณะที่จะขายหุ้น IPO จำนวน 260 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท/หุ้น คิดเป็น 27.66% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด แบ่งเป็นการเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป จำนวน 234 ล้านหุ้น และเสนอขายแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทจำนวน 26 ล้านหุ้น ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO แล้วจะทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเต็มจำนวน 470 ล้านบาท

"SISB จะเป็นธุรกิจการศึกษารายแรกที่ระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อว่าจะมีธุรกิจการศึกษาที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมจะเข้ามาระดมทุนเพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก ถือว่าเป็นการจุดพลุครั้งประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย คาดว่าการเสนอขาย IPO และเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯของเอสไอเอสบี จะสามารถทำได้ทันในปีนี้ และมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน"นายสมภพ กล่าว

นายสมภพ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลังของเอสไอเอสบี ตั้งแต่ปี 58-60 มีรายได้โตเฉลี่ย 20.16% โดยมีรายได้รวมจำนวน 543.92 ล้านบาท, จำนวน 623.49 ล้าบาท และจำนวน 785.38 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้หลักของบริษัทค่าธรรมเนียมการศึกษา หรือคิดเป็นสัดส่วน 90% ของรายได้รวม โดยในครึ่งปีแรกของปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 465.68 ล้านบาท เติบโตจากครึ่งปีแรกของปีก่อน 25.92%

ขณะที่มีผลกำไรสุทธิในช่วงปี 58-60 อยู่ที่จำนวน 76.51 ล้านบาท , จำนวน 84.73 ล้านบาท และจำนวน 59.60 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งในครึ่งปีแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.70 ล้านบาท

สำหรับวัตถุประสงค์ในการเสนอขาย IPO ของบริษัทในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD Ratio) จะลดลงมาอยู่ที่ไม่ถึง 1 เท่า จากปัจจุบันที่ 1.98 เท่า และทำให้บริษัทมีความสามารถในการกู้เพิ่มขึ้น และเงินที่ได้จากการระดมทุนบางส่วนจะนำไปปรับปรุงอาคารและซื้ออุปกรณ์การเรียนเพิ่มเติม

"วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษา เพื่อเพิ่มคุณภาพการศึกษาให้กับนักเรียนซึ่งจะเป็นกำลังหลักของประเทศชาติในอนาคตต่อไป รวมทั้งเพื่อชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯจะสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาศักยภาพของโรงเรียนนานาชาติที่มีความพร้อมที่จะสามารถยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้มีความแข็งแกร่ง และได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาทั่วโลก"นายสมภพ กล่าว

ด้านนาย ยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสไอเอสบี กล่าวว่า บริษัทใช้เวลาเตรียมความพร้อมมานานกว่า 6 ปีเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจการศึกษาที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเป็นรายแรก

ปัจจุบัน บริษัทมีโรงเรียนนานาชาติที่บริษัทเป็นผู้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียนโดยตรงรวมทั้งหมด 4 โรงเรียน ได้แก่ 1.โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพฯ 2.โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์สุวรรณภูมิ 3.โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี และ 4.โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอกมัย และบริษัทร่วมทุนในลักษณะกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เป็นผู้รับใบอนุญาตอีก 1 โรงเรียน คือ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เชียงใหม่

ทั้ง 5 โรงเรียนในเครือของบริษัทเปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นก่อนประถมศึกษา (เตรียมอนุบาล) จนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถรองรับนักเรียนได้สูงสุดถึง 4,175 คน โดยปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมด 2,274 คน และตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มจำนวนนักเรียนเป็น 4,000 คน ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเมื่อมีจำนวนนักเรียนแตะ 4,000 คน เพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปี 61

โดยสัดส่วนรายได้หลัก 98% จากรายได้ค่าเล่าเรียน ส่วนที่เหลือมาจากรายได้อื่น ๆ ซึ่งอัตราค่าเล่าเรียนเฉลี่ยของโรงเรียนในเครือของบริษัทอยู่ที่ 400,000 บาท/คน/ปี หรืออยู่ในช่วง 300,000-600,000 บาท/คน/ปี ซึ่งใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมโรงเรียนนานาชาติที่มีอัตราค่าเล่าเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 200,000-1,000,000 บาท/คน/ปี โดยที่โรงเรียนในเครือของบริษัทมีการเปิดสอนทั้งหมด 3 ภาคเรียน

ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียนในระบบ ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชนประเภทโรงเรียนนานาชาติ และให้บริการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยเป็นผู้เริ่มนำหลักสูตรการศึกษาของประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ มาใช้เป็นหลักสูตรพื้นฐานในการจัดเรียนการสอน ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ รวมทั้งเป็นหลักสูตรที่มีจุดเด่นในการจัดการเรียนการสอนแบบ 3 ภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ