บมจ. เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีบล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และมีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และใช้เป็นเงินทุนเพื่อเข้าร่วมลงทุนในบริษัทอื่น ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน คาดว่าจะใช้เงินภายในปี 63 นอกจากนี้จะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน คาดว่าจะใช้เงินภายในปี 62
บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้พัฒนาและลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแผนที่จะขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานน้ำ และพลังงานลม เป็นต้น โดยเฉพาะในประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่ ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเซีย
ธุรกิจของกลุ่มบริษัทจำแนกออกเป็น 3 ธุรกิจ ดังนี้ 1.ธุรกิจจัดหาสถานที้ตั้งและให้บริการที่เกี่ยวข้องภายในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งกลุ่มบริษัทเป็นผู้ลงทุนจัดหาที่ดินให้กลุ่มบริษัท บางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด (BSP) ใช้เป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน รวมถึงให้บริการดูแลความปลอดภัยและรักษาความสะอาดทรัพย์สินและอุปกรณ์บริเวณโครงการตามระยะเวลาของสัญญา โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนตลอดอายุสัญญา 20 ปี หรือ 25 ปีแล้วแต่กรณี ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวนรวม 17 โครงการ บนพื้นที่รวม 750-3-48.5 ไร่ ขนาดกำลังผลิตตามสัญญารวม 41.1 เมกะวัตต์
2. ธุรกิจพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ณ วันที่ 30 มิ.ย.ได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ SAAM Oita 01 Biomass Power และโครงการ SAAM Oita 02 Biomass Power กำลังการผลิตติดตั้ง 19.9 เมกะวัตต์ และ 19.9 เมกะวัตต์ ตามลำดับ และกลุ่มบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาเพื่อกำหนดกรอบการพัฒนาโครงการดังกล่าวกับลูกค้าแล้ว
ขณะที่กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลโครงการอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น ผ่านบริษัทย่อยที่ถือเงินลงทุนโดย SAAM Japan Energy GK (SJE) จัดตั้งในประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ BMP-1 BMP-2 BMP-5 BMP-6 BMP-7 และ BMP-8 ตามลำดับ
3. ธุรกิจลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กลุ่มบริษัทเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จำนวน 1 โครงการ ตั้งอยู่ที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญาและกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2 เมกะวัตต์ ระบบการรับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า 5.66 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ระยะเวลา 25 ปี เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.58 ดำเนินการโดยบริษัท เอสเอเอเอ็ม โซลาร์ พาวเวอร์ วัน จำกัด (SAAM-SP1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินของบริษัท เอสเอเอเอ็ม โซลาร์ พาวเวอร์ ทู จำกัด ("SAAM-SP2") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100% ยังมิได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลาง
นอกจากนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำการศึกษาเพื่อเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทอื่น ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนภายในปี 63 ได้แก่ ธุรกิจจัดหาวัตถุดิบเชื้อเพลิง ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล และธุรกิจให้บริการด้านการปฏิบัติการและบำรุงรักษา (O&M) เป็นต้น ตลอดจนพิจารณาเข้าร่วมลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่กลุ่มบริษัทฯ ได้พัฒนามาตามความเหมาะสมในอนาคต
ณ วันที่ 8 ส.ค.61 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 150,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 300,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 110,000,000 บาท และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ 80,000,000 หุ้น บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 150,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000,000 หุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือ กลุ่มนายพดด้วง คงคามี และคู่สมรส ถือหุ้น 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 90.91% หลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 66.67% รองลงมาคือ นายโสฬส คงคามี ถือหุ้น 20 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.09% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 6.67%
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 58-60 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 31.06 ล้านบาท 73.79 ล้านบาท และ 73.47 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 4.10 ล้านบาท, 30.84 ล้านบาท และ 19.13 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 13.20%, 41.79% และ 26.04% ตามลำดับ
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 36.42 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 19.53 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12.03 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์รวม 321.01 ล้านบาท หนี้สินรวม 148.28 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 174.73 ล้านบาท
ทั้งนี บริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หรือบริษัทย่อย และหลังหักสำรองทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด