บมจ.โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายผู้ถือหุ้นของ บมจ. เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) จำนวนไม่เกิน 27,000,000 หุ้น และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปจำนวนไม่เกิน 63,000,000 หุ้น ขณะที่บริษัทจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ขยายสาขา, การปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณืและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการดำเนินงาน รวมไปถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ
ปัจจุบัน การประกอบธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูล บริษัทเป็นผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูล เช่น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการ การให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและแก้ปัญหา และการรับคำติชมหรือเรื่องร้องเรียน เป็นต้น และให้บริการโทรออกไปยังกลุ่มเป้าหมายของผู้ว่าจ้าง เพื่อลดภาระการทำงานของผู้ว่าจ้าง โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัทมีเจ้าหน้าที่ให้บริการสำหรับธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลทั้งสิ้น 302 คน
ส่วนธุรกิจติดตามและทวงถามหนี้ บริษัทให้บริการติดตามและทวงถามหนี้ทั้งทางโทรศัพท์ การส่งจดหมาย และการส่งข้อความ SMS (short message service) ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับค่าธรรมเนียมเป็นร้อยละของปริมาณหนี้ที่เก็บได้ โดยอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับประเภทของลูกหนี้และข้อตกลงกับผู้ว่าจ้าง โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัทมีเจ้าหน้าที่ให้บริการสำหรับธุรกิจติดตามและทวงถามหนี้ทั้งสิ้น 144 คน
สำหรับโครงการในอนาคต บริษัทมีแผนขยายสาขาทั้งภายในกรุงเทพและในต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มกำลังการให้บริการ และเป็นการกระจายความเสี่ยงทั้งในด้านของการจัดหาพนักงาน และการเป็นศูนย์การให้บริการสำรอง (Back-up Site) ในกรณีที่สาขาอื่นๆ เกิดเหตุที่ไม่สามารถทำงานได้ โดยบริษัทจะจัดตั้งขยายสาขาในกรุงเทพเพิ่มเติมอีก 1 สาขา คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนที่นั่งสูงสุด 300 ที่นั่ง จากระยะแรกจะเพิ่มที่นั่ง 100 ที่นั่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/62 และเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4/62 ใช้เงินลงทุนประมาณ 90 ล้านบาท
นอกจากนั้นจะขยายสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มเติมอีก 2 สาขา โดยเฉพาะในจังหวัดหัวเมืองต่างๆ ที่สำคัญ เช่น ราชบุรี และสุพรรณบุรี เป็นต้น ด้วยวิธีการเช่าอาคารสำนักงานหรือพื้นที่อาคารสำนักงาน โดยจะเช่าพื้นที่สาขาละประมาณ 400 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งให้บริการประมาณ 80 ที่นั่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 1/62 และเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3/62 ใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาทต่อสาขา
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีแผนปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณ์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น ระบบปฏิบัติการ Avaya ระบบปฏิบัติการ 3CX ระบบบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ เพื่อเพิ่มกำลังการให้บริการของบริษัทฯ ประสิทธิภาพในการให้บริการของบริษัทฯ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ว่าจ้างได้ดียิ่งขึ้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 43.10 ล้านบาท แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/62
ณ วันที่ 20 ก.ค.61 ก่อนการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทมีทุนจดทะเบียน 125,000,000 บาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 250,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และทุนที่เรียกชำระแล้ว 80,000,000 บาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 160,000,000 หุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 2 เม.ย.61 คือ บมจ. เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) ถือหุ้น 159,999,860 หุ้น คิดเป็น 99.99% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 64%
ผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดปี 58-60 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการตามงบการเงินเฉพาะกิจการ เท่ากับ 105.83 ล้านบาท 135.38 ล้านบาท และ 151.53 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเท่ากับ 27.92% และ 11.93% ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 4.58 ล้านบาท, 24.89 ล้านบาท และ 26.16 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 4.31%,18.35% และ 17.23% ตามลำดับ
และผลงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 61 รายได้ค่าบริการ 76.61 ล้านบาท ต้นทุนการให้บริการ 38.99 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6.93 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 109.32 ล้านบาท หนี้สินรวม 10.90 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 98.42 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ