นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปี 61 จะเติบโตกว่า 20% จากปีก่อนทำได้ 3.1 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อว่ารายได้ครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก หลังบริษัทเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 100% จากเดิม 49% ใน 8 โครงการ ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากบริษัท ยันฮี โซล่าร์ เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งจะมีการรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 3/61
ประกอบกับบริษัทมีแผนการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่ 1. โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 ขนาด 133 เมกะวัตต์ 2. โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ขนาดรวม 31 เมกะวัตต์ และ 3. โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว 15 เมกะวัตต์
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเกาหลีใต้ ขนาดกำลังการผลิตราว 100 เมกะวัตต์ เบื้องต้นประเมินงบลงทุนราว 2-2.5 ล้านเหรียญต่อเมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลการศึกษาและความชัดเจนการลงทุนได้ภายในปีนี้ และบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตราว 100 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากจำเป็นต้องเก็บข้อมูลปริมาณลมและตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมเพื่อนำไปประเมินผลตอบแทนต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าลงทุนซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ 1 ราย ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตหลายร้อยเมกะวัตต์ และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าปัจจุบันมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการเข้าลงทุนได้เนื่องจากมีกระแสเงินสดราว 1.5-2 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ในระดับต่ำที่ 1.5 เท่า ซึ่งบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ราว 1-1.4 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 4/61 เพื่อใช้รีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิม และเพื่อรองรับการลงทุนโครงการในอนาคต