นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บมจ.โฮม พอตเทอรี่ (HPT) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 61 จะสามารถเติบโต 10% จากระดับ 170.46 ล้านบาทในปีก่อน หลังเชื่อว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะบริษัท เซ็นทรัล ฮอสพิแทลลิที จำกัด (CHL) ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้และอุปกรณ์สำหรับโรงแรมและร้านอาหารจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกตามแนวโน้มการเติบโตของคำสั่งซื้อ ประกอบกับ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่เพื่อสร้างฐานรายได้เพิ่มเติม
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากงานในมือที่รอส่งมอบ (backlog) ที่มีอยู่ราว 40 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ทั้งหมดภายในระยะเวลา 2 เดือน และบริษัทจะพยายามรักษาคำสั่งซื้อล่วงหน้าทั้งปีให้อยู่ในระดับ 40 ล้านบาทด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ที่ระดับ 10% ดยมีแผนปรับราคาขายสินค้าเพิ่ม 3-5% หลังได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน เนื่องจากบริษัททำธุรกิจโดยเน้นการส่งออกเป็นหลัก โดยได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว อีกทั้ง ยังมีการขายสินค้าเป็นเงินบาทกับคู่ค้าในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว อย่างไรก็ดีบริษัทมองแนวโน้มค่าเงินบาทช่วงครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลง
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 95% และในประเทศ 5% ซึ่งมีการส่งออกไปยังทวีปอเมริกา, ยุโรป, ออสเตรเลีย, กลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) และ ประเทศนิวซีแลนด์
นางสาวนิจวรรณ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุนราว 10 ล้านบาท/ปี เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการใช้กำลังการผลิตราว 3.4 ล้านชิ้น/ปี จากกำลังการผลิตรวม 4 ล้านชิ้น/ปี ซึ่งยังต้องใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงสายการผลิตเนื่องจากปัจจุบันใช้เครื่องจักรหลายประเภทในการผลิตสินค้า
สำหรับในปี 61 บริษัทมีเป้าหมายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเภทสินค้าตกแต่งสีที่ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง และหาแหล่งวัตถุดิบใหม่เพื่อบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงพัฒนาสายการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยเครื่องจักร เทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์ และอาคารที่ได้เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้สามารถผลิตในปริมาณมากขึ้นและความเสียหายระหว่างผลิตลดลง เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง และเตรียมความพร้อมสำหรับแนวโน้มในอนาคต
ส่วนด้านการตลาด บริษัทตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศใหม่ ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเพิ่มการรับรู้แก่ลูกค้า End user สำหรับตราสินค้า"เพทาย"ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศด้วย ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มฐานลูกค้าภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจบริการด้านอาหาร ผ่านทางธุรกิจ CHL หรือ กลุ่มครัวเรือน ผ่านทางธุรกิจค้าปลีกต่างๆ