นายบัณฑิต ม่วงสอนเขียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้งวดปี 61 (ต.ค.60-ก.ย.61) จะทำได้ตามเป้า 2.12 หมื่นล้านบาท จาก 9 เดือนแรกทำได้แล้วกว่า 1.55 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายรอโอน 7.6 พันล้านบาท จากโครงการในทำเล ม.ศรีปทุมและโครงการจรัญสนิทวงศ์ 81 ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้เป็นรายได้ในงวดไตรมาส 4/61 (ก.ค.61-ก.ย.61) ทั้งหมด 3 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ภายในงวดปีนี้อีก 12 โครงการ แบ่งเป็น โครงการบ้านแฝด 3 โครงการ, ทาวน์เฮ้าส์ 5 โครงการ, บ้านเดียว 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ซึ่งจะทำให้สิ้นงวดปี 61 บริษัทเปิดโครงการใหม่ทั้งหมดจำนวน 27 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
อีกทั้งบริษัทมีแผนเปิดโรงแรมใหม่ คือ โมเดนา เฟรเซอร์ บุรีรัมย์ ในเดือน ต.ค.61 มูลค่าโครงการราว 600 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้างวดปี 62 จะสามารถสร้างรายได้แตะ 100 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักที่ระดับ 60%
นอกจากนี้ บริษัทยังเหลืองบประมาณในการซื้อที่ดินเหลืออยู่ในบริษัทย่อย แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด อีก 900 ล้านบาท และใน บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) อีก 1-2 พันล้านบาทสำหรับปีงบประมาณนี้ ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.54 เท่า แม้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม แต่บริษัทมองว่ายังอยู่ในระดับไม่ดีนัก เนื่องจากบริษัทได้ขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ไปก่อนหน้านี้
นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีอัตราปฏิเสธสินเชื่ออยู่ราว 12% ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่สูงถึง 20% จากแผนการคัดกรองลูกค้าและช่วยเหลือแนะนำให้สามารถโอนได้ แม้ว่าจะสูงขึ้นจากอดีตที่เน้นทำการขายให้ลูกค้าเพื่อเข้าอยู่จริง (real demand) จาก 8-9% เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีการเข้าซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการทำเลใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้น
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทสามารถระดมทุนผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ อาทิ การออกตั๋ว B/E และตั๋ว P/N ที่มีดอกเบี้ยในระดับต่ำราว 2% โดยบริษัทมีแผนการปรับระยะเวลาการลงทุนให้สอดคล้องกับระยะเวลาการก่อสร้างโครงการเพื่อลดต้นทุน และทำให้ผลประกอบการออกมาดีที่สุด
แต่ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นอาจกระทบผู้ซื้อจากการมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจุบันรัฐบาลมีการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถกู้เงินได้ผ่านธนาคารรัฐ อาทิ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสินได้ ซึ่งบริษัทมีสินค้าตั้งแต่ระดับราคาต่ำไปจนถึงราคาสูง