(เพิ่มเติม) SPCG ได้เป็นตัวแทนขาย-ให้บริการเครื่องแปลงไฟฟ้าใช้ในโซลาร์ฟาร์มจากเยอรมันทำตลาด CLMVT ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ 30% ใน 3-5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 30, 2018 15:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SPE) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ และ บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด (SPR) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการ (Authorised Sales & Service Partnership) ของ SMA Solar Technology AG (SMA) ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่เดือน ก.ค.61 เป็นต้นไป

SMA Solar Technology AG (SMA) ประเทศเยอรมนี เป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเมื่อปี 60 มียอดจำหน่ายกว่า 900 ล้านยูโร มีผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งแบบใช้ในบ้านพักอาศัย ใช้เพื่อการพาณิชย์ และใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ซึ่งระบบของ SMA สามารถรองรับการต่อเชื่อมแบตเตอรี่ได้หลายประเภท

นอกจากนี้ ยังมีความโดดเด่นในด้านการจัดการพลังงานอัจฉริยะ โซลูชั่นสำหรับพลังงานดิจิทัล การบริการที่ครอบคลุม และระบบปฎิบัติการสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ SMA เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตแห่งประเทศเยอรมนีประเภท Prime Standard

นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SPCG กล่าวว่า SMA มองหา Strategic Partner ในภูมิภาคอินโดจีน และ SPCG ถือเป็นลูกค้าหลักที่มีสัดส่วนมากกว่า 60% ของจำนวน Inverter ทั้งหมดในภูมิภาคนี้ SPCG จึงเล็งเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ ในด้านการจัดจำหน่าย และการให้บริการทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน จึงทำให้ SPE และ SPR ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทน Authorised Sales & Service Partnership อย่างเป็นทางการ ดูแลลูกค้าของ SMA ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีนอีก 4 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศเวียดนาม ลาว กัมพูชา และเมียนมา หรือรวมเรียกว่า CLMVT

ทั้งนี้ ตลาดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคอาเซียนนับว่าเติบโตมาก โดยมีการประมาณว่ามีความต้องการผลิตไฟฟ้าเข้าระบบอีกราว 5,000 เมกะวัตต์ ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งทำให้ความต้องการใช้ Inverter จากกระแสไฟฟ้าตรงมาเป็นกระแสไฟฟ้าสลับ ที่ใช้ตามครัวเรือนเติบโตตามไปด้วย โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งตลาด Inverter จากการขายของ SMA ใน 5 ประเทศที่ดูแลอยู่ในสัดส่วน 30% หรือราว 1,500 เมกะวัตต์ และยังมีโอกาสเติบโตตามโครงการโซลาร์รูฟท็อปที่เอกชนผลิตไฟฟ้าใช้เองโดยไม่ผ่านเข้าระบบด้วย

กลุ่มบริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ จากการที่ SPE เป็นตัวแทนจำหน่าย และ SPR เป็นผู้ให้บริการ Inverter ของ SMA เข้ามาในช่วงปลายปีนี้และจะทยอยเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยเบื้องต้นในส่วนของการเป็นผู้ให้บริการนั้นกลุ่มบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทเพื่อดูแลการให้บริการ และระบบต่าง ๆ รวมถึงการสต็อกสินค้าเพื่อเตรียมให้บริการแก่ลูกค้าใน 5 ประเทศดังกล่าวด้วย

สำหรับ SPR ในฐานะผู้ให้บริการก็จะได้ประโยชน์โดยตรง ในฐานะที่เป็นผู้ใช้ Inverter รายใหญ่ ประเด็นแรก คือเรื่องของความเชื่อมั่นในการให้บริการที่ดี เพราะ SMA เป็นที่ยอมรับในเรื่องของการบริการที่ดีและรวดเร็ว รวมถึงมีการรับประกันที่ยาวนาน การที่ SPR เข้ามาให้บริการในด้าน Customer Service จะทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าการบริการที่จะได้รับจะเป็นมาตรฐานเดียวกันกับ SMA อย่างแน่นอน ประเด็นที่สอง ในด้านการจัดจำหน่ายจะยังคงรักษามาตรฐานการบริการด้านการจัดจำหน่ายที่ดีให้กับลูกค้า

ประเด็นที่สาม การที่ได้เข้ามาทำงานด้านการบริการ ทีมงานของบริษัท จะได้รับการฝึกอบรมในเชิงลึก จากเจ้าหน้าที่ของ SMA เยอรมนีโดยตรง ที่จะมาให้ความรู้ ยกระดับให้วิศวกรไทยของเรา มีความรู้ความสามารถในเรื่องของเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า เพิ่มขึ้น เทียบเท่าในระดับสากล จากประโยชน์ที่บริษัท ได้รับนี้อาจจะส่งผลให้ธุรกิจนี้เป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่งในอนาคต

Mr.Rakesh Khanna Managing Director of SMA India and Southeast Asia กล่าวว่า SPE จะเข้ามาช่วยทำให้ลูกค้าผู้ใช้ Inverter ทุกรายได้รับการบริการที่ดียิ่งขึ้นจากเดิม อีกทั้งยังสามารถช่วยแก้ปัญหาในเบื้องต้นให้ได้ หรือในกรณีที่ทางบริษัทฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็จะช่วยประสานงานพร้อมติดตามผล และการดำเนินงานให้แก่ลูกค้าด้วย ส่วนของลูกค้ารายใหม่ จะเริ่มจากในประเทศไทย และขยายออกไปในภูมิภาคอินโดจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ