S ล้มดีลซื้อ 2 โครงการในประเทศหลังศึกษาพบไม่คุ้มค่าลงทุน หันเน้นพัฒนาโครงการเอง,เตรียมเปิดทาวน์ชิปปลายปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 30, 2018 16:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า บริษัทยกเลิกดีลการเจรจาเข้าซื้ออาคารสำนักงานและศูนย์การค้าในประเทศทั้ง 2 ดีลที่เคยคาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ หลังจากการศึกษาพบว่าต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก ทำให้บริษัทเห็นว่าอาจจะมีความเสี่ยงไม่คุ้มค่าในการลงทุน จึงตัดสินใจยกเลิกการเจรจาไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะหันกลับมาเน้นการพัฒนาโครงการด้วยตัวเองมากขึ้น ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการที่เตรียมจะพัฒนาและเปิดโครงการ ทั้งโครงการที่เป็นรูปแบบ Stand Alone และโครงการ Mixed Use โดยช่วงปลายปีนี้บริษัทเตรียมเปิดโครงการทาวน์ชิปแห่งแรกย่านกรุงเทพกรีฑา (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) บนพื้นที่ 240 ไร่ มูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยที่อยู่อาศัยแนวราบระดับกลาง-บน, โฮมออฟฟิศ, พื้นที่ค้าปลีก และโรงแรมขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกัน

ขณะเดียวกันในวันที่ 1 ต.ค. 61 บริษัทเตรียมเปิดให้บริการอาคารสำนักงาน Singha Complex ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่ออฟฟิศเต็มแล้ว 100% โดยที่จะมีรายได้จากค่าเช่าออฟฟิศเข้ามาในไตรมาส 4/61 นี้ ประกอบกับในช่วงปลายปีนี้จะเริ่มเปิดให้บริการโรงแรมแห่งแรกในมัลดีฟส์ ทำให้ในปีนี้บริษัทมีรายได้ประจำเข้ามาเสริมมากขึ้นหนุนผลการดำเนินงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 61

นอกจากนี้ ยังจะทำให้ภาพรวมของรายได้ในปี 62 มีโอกาสแตะระดับ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมในปี 63 เนื่องจากในปีหน้าบริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงแรมใหม่ทั้ง 6 แห่งในเครือ Outrigger เข้ามาเต็มปี รวมถึงการรับรู้รายได้สำนักงาน Singha Complex และโรงแรม Curio มัลดีฟส์เข้ามาเต็มปีเช่นเดียวกัน พร้อมกันนั้นจะรับรู้รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมีกำหนดโอนในปี 62 เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหญ่ คือ โครงการ The ESSE Asoke และ โครงการ The ESSE at Singha Complex

ส่วนการเข้าร่วมประมูลการพัฒนาพื้นที่ในสถานีกลางบางซื่อนั้น บริษัทไม่มีความสนใจและจะไม่เข้าไปร่วมประมูล เนื่องจากผู้ที่สนใจเข้าไปประมูลมีแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ ทำให้มีการแข่งขันที่สูงและอาจจะทำให้ราคาประมูลสูงมากจนเกินไป อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีการพัฒนาโครงการในพื้นที่บริเวณใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของการพัฒนาโครงการดังกล่าวอยู่

สำหรับมุมมองต่อโครงการ Mixed Use ในประเทศไทย มองว่ายังมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ที่ครอบครองที่ดินต้องการพัฒนาพื้นที่ของตนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และโครงการ Mixed Use เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าโครงการประเภท Stand Alone แต่การพัฒนาโครงการ Mixed Use จะต้องคำนึงไปทำเลที่ตั้งที่ถือเป็นปัจจัยหลักของการพัฒนา ซึ่งจะต้องสามารถดึงดูดให้มีคนเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากได้ และมีการเดินทางที่สะดวก

ด้านแนวโน้มของการพัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานในอีก 3 ปีข้างหน้า มองว่าจะเกิดภาวะซัพพลายล้นตลาด เพราะปัจจุบันมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานที่มีพื้นที่จำนวนมาก และจะทยอยเปิดให้บริการในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า ขณะที่ความต้องการใช้พื้นที่อาคารสำนักงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะน้อยกว่าจำนวนซัพพลายที่ออกมา และอัตราค่าเช่าอาคารพื้นที่สำนักงานส่วนใหญ่เป็นเกรด A ที่มีค่าเช่าสูง ทำให้ผู้เช่าอาจจะรับราคาค่าเช่าไม่ได้และไม่มีความจำเป็นที่ต้องเช่าสำนักงานที่แพงมาก ส่งผลให้ตลาดอาคารสำนักงานอาจได้รับผลกระทบ แต่มองว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จะมีแผนรองรับไว้และสามารถบริหารจัดการได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ