ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีแพ่งระหว่าง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) และนางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ จำเลยที่ 1 และ นายภูริภัทร เขียวบริบูรณ์ จำเลยที่ 2 โดยให้นางบุญพร ชดใช้ค่าเสียหาย 578.14 ล้านบาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีนับตั้งแต่วันที่ยื่นฟ้อง ขณะที่ยกฟ้องจำเลยที่ 2
ขณะที่นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ ยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมต่อสู้คดีจนถึงที่สุด มั่นใจไม่กระทบการบริหารงาน ยืนยันทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และดีที่สุดด้วยความเป็นมืออาชีพ ด้านพนักงานต่างห้อมล้อมมาให้กำลังใจ และพร้อมที่จะเคียงข้างผู้บริหาร จับมือร่วมกันเดินหน้า และยืนยันว่าไม่กระทบการทำงานและการให้บริการลูกค้าแต่อย่างใด
"กลุ่มธุรกิจทางการเงินหยวนต้า บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และคณะผู้บริหารพร้อมสนับสนุนให้มีการต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และให้ความมั่นใจในการประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อการประกอบธุรกิจ และลูกค้าแต่อย่างใด"นางบุญพร ระบุ
ขณะที่นายภูริภัทร เขียวบริบูรณ์ อดีตพนักงาน MBKET ซึ่งถูกฟ้องร่วมกับนางบุญพร และศาลตัดสินว่าไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิดยกฟ้องในคดีดังกล่าวนั้น ยืนยันและยินดีเป็นพยานร่วมยืนยันความบริสุทธิ์ของนางบุญพรและต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ด้วยผลของคดีดังกล่าวนายภูริภัทร ยืนยันที่จะเดินหน้าในคดีอาญา ศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ได้ยื่นฟ้อง MBKET และนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MBKET เป็นจำเลยร่วมกันกรณีแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาท ซึ่งศาลรับคำฟ้อง และจะได้มีการพิจารณาคดีต่อไป
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MBKET กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การดำเนินคดีดังกล่าวเนื่องจากบริษัทมีความประสงค์จะรักษาประโยชน์ฐานะบริษัทมหาชน และยกระดับธรรมาภิบาล ซึ่งเนื้อหาคดีก็ได้ให้ความเมตตานายภูริภัทรและศาลก็ได้ตัดสินว่าไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จีงมีคำพิพากษายกฟ้องนายภูมิภัทร แต่นายภูริภัทรยังอยู่ระหว่างฟ้องกลับในคดีอาญาให้ MBKET และตนเองเป็นจำเลยร่วมกันว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาท ซึ่งศาลรับคำฟ้องและจะได้มีการพิจารณาคดีต่อไป
"เรื่องนี้ได้รับทราบแล้ว ซึ่งที่จริงเราฟ้องตามหลักฐานที่เห็น มีหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่ง FAX และเอกสารต่าง ๆ ซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนชี้แจงศาลต่อไป"นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี ยังกล่าวว่า หลังจากอดีตผู้บริหาร MBKET และพนักงานกลุ่มหนึ่งได้ลาออกไปอยู่กับบริษัทหลักทรัพย์แห่งอื่น การทำธุรกิจหลักทรัพย์ของ MBKET ก็ยังเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับตัวตามสภาพ เนื่องจากสถานการณ์ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยมีบทบาทของต่างประเทศมีมากขึ้น ซึ่งริษัทก็ทำธุรกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะนี้ส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจหลักทรัพย์ (Market Share) ของ MBKET อยู่ที่ประมาณ 6% เศษ ซึ่งลดลงจากในอดีต แต่หวังว่าจะปีนี้จะเป็น Bottom และคาดหวังว่าจะดีขึ้นในปีหน้า โดย Market Share ที่ทำได้ยังไม่ถึงเป้าหมายที่มองไว้ 7-8% แต่ก็จะพยายามทำให้ถึงเป้าหมายต่อไป เนื่องจากในปีนี้ธุรกิจมีการแข่งขันที่สูงมาก
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าในประเทศ 60-65% ลูกค้าต่างประเทศ 35-40% โดยลูกค้ารายย่อยยังเป็นลูกค้าหลัก ด้านการทำ Block Trade บริษัทก็อาจจะกาขยายเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยขณะนี้ Block Trade มีกว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมที่จะขยายเพิ่มได้ เพราะที่ผ่านมาเคยทำ Block Trade 4,200 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทก็จะเดินหน้าพัฒนาระบบเพื่อรองรับการใช้งานด้วย
อนึ่ง ราคาหุ้น MBKET เปิดภาคบ่ายพุ่ง 7.14% มาที่ 13.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท เมื่อเวลา 14.29 น.