ภาวะตลาดหุ้นสิงคโปร์:สเตรทส์ไทม์บวก36.43จุด จากนลท.ซื้อหุ้นปิดงวดบัญชี

          ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวขึ้นในการซื้อขายครึ่งวันวันนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากผู้จัดการกองทุนพากันซื้อหุ้นบลูชิพเพื่อเพิ่มพอร์ทการลงทุนของตนสำหรับสัปดาห์สุดท้ายของปี 2550
          ทั้งนี้ ตลาดจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ และจะกลับมาทำการซื้อขายตามปกติอีกครั้งในวันพุธ 
          ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการเดินหน้าขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังมีรายงานข่าวว่า เมอร์ริล ลินช์ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลดมูลค่าสินทรัพย์ (writedown) จากการลงทุนในตลาดซับไพรม์ อาจได้รับเงินทุนอัดฉีดถึง 5 พันล้านดอลลาร์จากบริษัทเทมาเซค โฮลดิงส์ของสิงคโปร์
          สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ ปรับเพิ่ม 36.43 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ 3,434.53 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,433.64 และ 3,452.01 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 721.4 ล้านหุ้น มูลค่า 762 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์  
          นาจีบ จาร์ฮอม นักวิเคราะห์จากเฟรเซอร์ ซีเคียวริตี้ส์ กล่าวว่า ปัจจัยบวกจากสหรัฐช่วยให้ตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่ร่วงลงในช่วงนี้ กลับมาเดินหน้าขึ้นในวันนี้ โดยความวิตกเรื่องภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยได้ผ่อนคลายลง หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพ.ย.กระโดดขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับแต่ปี 2547
          หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการที่กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาล (Sovereign Wealth Funds) หลั่งไหลเข้าลงทุนในสถาบันการเงินต่างๆที่กำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักจากวิกฤตซับไพรม์
          นอกเหนือจากข่าวที่เทมาเซคจะอัดฉีดเงินทุนเข้าสู่เมอร์ริล ลินช์แล้ว นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียจะจัดตั้งกองทุน SWF มูลค่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย
          ซิตี้กรุ๊ปได้รับเงินทุน 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากสำนักงานเพื่อการลงทุนแห่งอาบูดาบี ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะที่ธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ได้รับเงินทุน9.75 พันล้านดอลลาร์จากเทมาเซค และมอร์แกน สแตนลีย์ ได้รับเงินทุน 5 พันล้านดอลลาร์จากไชน่า อินเวสเมนท์ คอร์ป
          สำหรับหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นดีบีเอส กรุ๊ปปิดขยับขึ้น 18 เซนต์สิงคโปร์ โดยธนาคารเปิดเผยว่าได้สละสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน TMB ลดลงเหลือเพียง 6.8% จาก 16.1% ในปัจจุบัน 
          หุ้นยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์ ก็ดีดขึ้น 18 เซนต์เช่นกัน และหุ้นโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ป ขยับขึ้น 10 เซนต์
          ส่วนหุ้นบลูชิพนั้น หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ ปรับขึ้น 12 เซนต์ หุ้นสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ดีดขึ้น 16 เซนต์ ขณะที่หุ้นสิงคโปร์ เพรส โฮลดิ้งส์ ปิดทรงตัวที่ 4.48 ดอลลาร์