นายสยาม ทองกระบิล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังหักส่วนต่ำมูลค่าหุ้น ต่อคณะกรรมการบริษัท เพื่อปลดล็อกเครื่องหมาย "C" โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหาใน 3 แนวทาง คือ การมีกำไรสะสมจากการดำเนินธุรกิจ ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ,การปรับโครงสร้างทางการเงิน เช่น การเพิ่มทุนหรือการลดทุนจดทะเบียน เพื่อให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% และล้างขาดทุนสะสม จากปัจจุบันมีผลขาดทุนสะสมอยู่ที่ 8,443.26 ล้านบาท
"การปลดเครื่องหมาย C ของบริษัท อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะการที่จะทำให้บริษัทกลับมามีกำไรกว่า 3,000 ล้านบาท ในการเพิ่มส่วนผู้ถือหุ้นอาจต้องใช้เวลาพอสมควร หลังจากปัจจุบันที่ยังมีผลขาดทุนอยู่ ครึ่งปีแรกก็ขาดทุน 3,871.13 ล้านบาท และยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ที่ 8,443.26 ล้านบาท ส่วนของการเพิ่มทุนหรือลดทุนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดำเนินการได้ แต่การเพิ่มทุนบ่อย ๆ อาจไม่ส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้น ส่วนการลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมก็ถือเป็นทางเลือกที่ทำได้เร็ว อย่างไรก็ตามบริษัทจะต้องมีมาตรการออกมาอย่างแน่นอน"นายสยาม กล่าว
นายสยาม กล่าวว่า การจะทำให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน สำหรับในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และอยู่ระหว่างการขายและก่อสร้าง ได้แก่ โครงการเดอะริทซ์ คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้, โครงการมหาสุมทรวิลล่า คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงสิ้นปี 62, โครงการนิมิต หลังสวน คาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 62 และโครงการวินด์เซลล์ นราธิวาส คาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 62 มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 14,012 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 62 ฟื้นตัวดีขึ้น โดยจะเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/61 เป็นต้นไป อีกทั้งจะช่วยสนับสนุนให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดลงเหลือระดับ 4-5 เท่า จากปัจจุบันที่ D/E มากกว่า 8 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเพิ่มรายได้จากโครงการมหาสมุทรคันทรีคลับที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยได้ปรับปรุงคอนเซ็ปท์ของโครงการเพิ่มองค์ประกอบเกี่ยวกับสุขภาพ (Wellness) คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2/62 และคาดจะมีรายได้จากการขายสมาชิกและจากห้องพักและศูนย์สุขภาพปีละ 200-350 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนดำเนินธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของการร่วมลงทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ซึ่งเป็นกองทุนจากต่างประเทศ 2-3 รายเพื่อร่วมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับบน (ไฮเอนด์) คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปีนี้ โดยการร่วมทุนกับผู้ร่วมลงทุนที่มีศักยภาพจะช่วยส่งผลดีต่อการลดภาระเรื่องเงินลงทุนของบริษัทที่มีอยู่อย่างจำกัดในการพัฒนาโครงการระดับบนด้วยตนเอง
ด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ "ดีน แอนด์ เดลูก้า" บริษัทได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ โดยได้ขายสิทธิแฟรนไชส์ให้กับบริษัทที่มีศักยภาพในประเทศไทย เพื่อขยายสาขาในประเทศไทยและประเทศจีน โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะขยายแฟรนไซส์ "ดีน แอนด์ เดลูก้า" แบ่งเป็นในประเทศไทย 100 สาขา และในประเทศจีน 500 สาขา ซึ่งจะส่งผลทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะมากกว่าสัดส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
นายสยาม คาดว่า หุ้น PACE จะถูกปลดเครื่องหมาย NP (บริษัทจดทะเบียนมีข้อมูลที่ต้องรายงานและตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัท) ในเร็ว ๆ นี้ หลังได้ทำความเข้าใจกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว ในกรณีปัญหาทางเทคนิคของผู้สอบบัญชีในการตีความมูลค่าโครงการมหานคร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเข้ากระบวนการยื่นเรื่องขออนุมัติปลด NP ต่อไป