SKE ตั้งเป้ารายได้แตะ 1 พันลบ.ใน 3-5 ปี จากคาด 390-400 ลบ.ในปีนี้ ตามดีมานด์ NGV โต,ธุรกิจไฟฟ้า-CBG หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 3, 2018 08:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทภายใน 3-5 ปี โดยมาจากธุรกิจจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น ประกอบมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในรูปแบบเชิงพาณิชย์เข้าสู่ระบบมากขึ้น รวมถึงมีการบันทึกรายได้จากธุรกิจการผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ตามโครงการ CBG Station

ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายภายในระยะ 5 ปี จะถูกคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี SET100 ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบัน และมีความสนใจเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยในช่วงเวลาดังกล่าวบริษัทจะพัฒนาธุรกิจเพื่อให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น และจะผลักดันให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเพิ่มเป็นระดับ 10,000 ล้านบาท

สำหรับในปี 61 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ราว 390-400 ล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปี 60 ที่มีรายได้อยู่ที่ราว 333 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณอัดก๊าซ NGV จะเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 630 ตัน/วัน จากปี 60 อยู่ที่ 579 ตัน/วัน เป็นผลมาจากยอดใช้ NGV ของตลาดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ตัน/วัน จากปีก่อนอยู่ที่ 6,500-6,700 ตัน/วัน อีกทั้งในไตรมาส 4/61 จะเริ่มมีการบันทึกรายได้จากโครงการ CBG Station อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา และจะสามารถบันทึกเงินสนับสนุนจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จำนวน 12 ล้านบาทด้วย เนื่องจากการลงทุนครั้งนี้ได้รับการอนุมัติเงินทุนสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการผลิตไบโอมีเทนอัด ในสถานประกอบการที่มีระบบก๊าซชีวภาพจาก พพ.ด้วย

ทั้งนี้ โครงการ CBG Station อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา มีขนาดกำลังการผลิตก๊าซ 9 ตัน/วัน มูลค่า 80 ล้านบาท บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 75% ในบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด ซึ่งกำหนดผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัดตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 61 คาดว่าโครงการดังกล่าวจะมียอดขายก๊าซเฉลี่ย 7-9 ตัน/วัน และสร้างรายได้ประมาณ 40-45 ล้านบาท/ปี

นอกจากนี้ ในปี 61 บริษัทคาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน 101 ไร่ ที่ จ.สงขลา มูลค่ารวมประมาณ 60 ล้านบาท หรือราคาขายไร่ละ 500,000-600,000 บาท โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อ 3-4 ราย ซึ่งจะสรุปความชัดเจนได้ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้

นายจักรพงส์ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 62 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นระดับ 30 เมกะวัต์ (MW) ซึ่งจะมาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล จำนวน 8 MW และจากก๊าซชีวภาพจำนวน 15 MW ขณะส่วนที่เหลือจะมาจากพลังงานด้านอื่น เช่น โซลาร์รูฟท็อป ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตขายไฟฟ้า (PPA) ที่คาดว่ารัฐบาลจะเปิดรับซื้อในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ