นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าขอคำปรึกษากับทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กรณีที่บริษัทอาจเข้าไปซื้อหุ้น บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) ในกระดานเทรดปกติ เพื่อเข้าถือหุ้นเพิ่มหากการเสนอซื้อหุ้นด้วยขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหุ้นโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ไม่ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ จากการทำคำเสนอซื้อหุ้น MK ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.61 ถึงล่าสุดวันที่ 31 ส.ค.61 มีผู้เสนอขายหุ้น MK ให้เพียงจำนวน 3 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 0.30% ของหุ้นทั้งหมด ต่ำกว่าจำนวนที่บริษัทต้องการ แต่บริษัทก็จะยอมรับกับจำนวนหุ้นที่ได้มาไม่ว่าจะเป็นเท่าใด และไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อถึงวันสุดท้ายของการเสนอซื้อวันที่ 5 ก.ย.จะสามารถซื้อได้ครบจำนวน 992 ล้านหุ้นหรือไม่
แม้ว่าสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด (SPM) ใน MK จะไม่มากพอที่จะมีอำนาจในการบริหารใน MK แต่บริษัทก็มองว่าเป็นการถือลงทุนอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับที่บริษัทเคยไปลงทุนในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือหุ้นเพียง 25% และก็ไม่มีอำนาจในการบริหาร แต่ก็เป็นการลงทุนที่บริษัทจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา
"ตอนนี้จะได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะว่าราคาเสนอซื้อที่ 4.10 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว และสูงกว่าราคาช่วงก่อนที่ศุภาลัยทำคำเสนอซื้อมากกว่าราคาบนกระดาน 20% เพราะช่วงก่อนหน้านั้นราคาหุ้น MK อยู่ที่ 3.20 บาท และมีต่ำกว่านั้นอีก แม้ว่าจะไม่ได้มีอำนาจในการบริหารในมั่นคงฯ แต่ก็ถีอเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
ที่อยากเข้าไปบริหาร MK เพราะเป็นบริษัทที่เคยทำมาร่วมกับคุณชวน และคุณชวนกับลูกก็อยากพักแล้ว อีกทั้งผมก็เข้าไปถือหุ้นในมั่นคงด้วยก็เลยคิดว่าควรเข้าไปบริหาร ซึ่งหลังจากครบกำหนดทำคำเสนอซื้อแล้วเราก็คงจะเข้ามาเก็บหุ้น MK ในกระดานแทน ซึ่งได้ปรึกษากีบก.ล.ต.ไว้แล้วว่าสามารถทำได้ ส่วนจะได้จำนวนหุ้นที่มาเสนอขายเท่าไหร่และจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเท่าไหร่คงต้องรอสรุปในวันที่ 6 ก.ย.นี้อีกครั้ง"นายประทีป กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ SPALI ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าได้ให้ บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ทำ Voluntary Tender Offer จำนวน 992,010,177 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท คิดเป็นมูลค่า 4,067.24 ล้านบาท
นายประทีป กล่าวถึงแผนการลงทุนโครงการมิกซ์ยูส "ศุภาลัย ไอคอน" บนที่ดินสถานฑูตออสเตรเลียว่า บริษัทตัดสินใจไม่ร่วมลงทุนกับพันธมิตรใดๆ แล้วหลังจากมีการเจรจากับพันธมิตรรายหนึ่งให้เข้ามาร่วมลงทุนโรงแรมและบริหารโรงแรมในโครงดังกล่าว แต่พันธมิตรรายนั้นต้องการผลประโยชน์จากการลงทุนมากกว่าที่บริษัทคาดคิดไว้ ทำให้บริษัทมองว่าจะเสียเปรียบ ทั้ง ๆที่เป็นผู้ลงทุนประมูลที่ดินมาได้ จึงได้ตัดสินยกเลิกความร่วมมือดังกล่าวไป
ดังนั้น บริษัทก็จะเดินหน้าพัฒนาเองทั้งโครงการด้วยตัวเอง ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม โรงแรม และศูนย์การค้า ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในความสามารถในการพัฒนาและการบริหารโครงการ รวมถึงมีเงินทุนมากพอที่สามารถรองรับการพัฒนาโครงการศุภาลัย ไอคอน โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาความร่วมมือกับใคร