นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 4,783.90 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทวางไว้เติบโต 10% ซึ่งบริษัทเตรียมปรับลดเป้าหมายรายได้ลงในช่วงไตรมาส 3/61 นี้ หลังปริมาณการใช้ถุงพลาสติกลดลง โดยเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อังกฤษ ญี่ปุ่น ส่วนสหรัฐ และ นิวซีแลนด์
ประกอบกับ อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน โดยหากเงินบาทอ่อนค่าจะส่งผลดีต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 60% และรายได้ในประเทศที่ 40%
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้เติบโต 5.63% ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 78.86%
นายกมล กล่าวว่า ช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ บริษัทเตรียมเปิดเดินเครื่องโรงพิมพ์แห่งใหม่ จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 50 ล้านเมตรต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตที่ 100 ล้านเมตรต่อปี โดยจะสามารถรองรับคำสั่งซื้อสินค้าที่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะช่วยหนุนการเติบโตในครึ่งปีหลัง ซึ่งแต่ละออเดอร์จะใช้ระยะเวลในการส่งมอบประมาณ 1-2 เดือน
"เรายังคงมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อน แต่ด้วยภาพรวมของการใช้ถุงพลาสติดที่ลดลง ทั้งนโยบายการลดปริมาณการใช้ และรณรงค์ให้ลดการใช้ถุงพลาสติก โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศแต่อย่างไรก็ตามเรายังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์ของธุรกิจมาเน้นเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าในแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยต้องใช้เวลากว่าที่ผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัว ซึ่งไตรมาส 2/61 เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/61 แลัว"นายกมล กล่าว
ในส่วนของแผนการเข้าซื้อกิจการนั้น บริษัทคาดว่าสิ้นปีนี้จะสรุปแผนการเข้าซื้อ EDCAWI บรรจุภัณฑ์กระดาษในอังกฤษ และ ITPA บรรจุภัณฑ์พลาสติกในออสเตรเลีย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการตกลงราคา ซึ่งบริษัทจะใช้เงินจาก IPO ที่ปัจจุบันยังมีอยู่ 400-500 ล้านบาท หากการเจรจาเป็นผลสำเร็จสิ้นปีนี้จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศขยับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/62 ทันที